กระแส “มินิมอล”ในญี่ปุ่นมาแรง

กระแส “มินิมอล”ในญี่ปุ่นมาแรง

เน้นแนวคิดเรียบง่ายสวนทางบริโภคนิยม

แนวคิด “มินิมอล” ที่เน้นความเรียบง่ายและไม่สะสมวัตถุมากเกินจำเป็น กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในญี่ปุ่น สวนทางสังคมบริโภคนิยม

นายฟูมิโอะ ซาซากิ บรรณาธิการวัย 36 ปี พักอยู่ในห้องอพาร์ตเมนต์เล็ก ๆ ห้องเดียว มีเสื้อเชิ้ต 3 ตัว กางเกง 4 ตัว ถุงเท้าแค่ 4 คู่ แต่ก่อนเขาซึ่งเคยเป็นนักสะสมหนังสือและแผ่นซีดี ดีวีดีมักจะประสบปัญหาในการหาที่เก็บคอลเลกชั่นสะสมของตนเอง จนกระทั่งเมื่อ 2 ปีก่อนที่เขาเริ่มรู้สึกอิ่มตัว และได้รู้จักกับแนวคิด “มินิมอล” หรือแนวคิดน้อยแต่มาก ซึ่งสื่อได้ว่าชีวิตยิ่งเรียบง่ายยิ่งดูดี ทำให้ทุกวันนี้ ซาซากิ มีข้าวของในครอบครองเพียง 150 ชิ้นเท่านั้น และทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งของที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิตประจำวัน

นายซาซากิ เป็นหนึ่งในกลุ่มคนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ที่กำลังสวนกระแสบริโภคนิยมของสังคม ในชื่อของกลุ่ม “มินิมอลลิสต์” ซึ่งเลือกวิถีชีวิตที่เน้นความเรียบง่ายเป็นหลัก ซื้อข้าวของเท่าที่จำเป็นต้องใช้ และไม่เก็บสะสมวัตถุสิ่งของใด ๆ โดยกระแสมินิมอลลิสต์นี้เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน

เช่นเดียวกับนายคัตสึยะ โตโยดะ บรรณาธิการสิ่งพิมพ์ออนไลน์ ซึ่งนำแนวคิดมินิมอลมาปรับใช้ในวิถีชีวิตของตน แต่ต่างจากมินิมอลของคนอื่นตรงที่เขายังคงสนุกกับการสะสม เพียงแต่สิ่งของที่หาซื้อมาใช้มาเก็บนั้นจะต้องเป็นสิ่งที่ชอบจริง ๆ เท่านั้น (สาวสูทขาว) ขณะที่อดีตสาวนักช้อปอย่างนางสาวซาเอโกะ คูชิบิกิ แนวทางมินิมอลลิสต์ ยังรวมถึงการลดจำนวนเพื่อนที่คบหาลงด้วย โดยเฉพาะเพื่อนนักช้อป ก็มีการไปมาหาสู่กันน้อยลง

แม้ญี่ปุ่นในยุคสมัยใหม่จะได้รับอิทธิพลจากสหรัฐ แต่ชาวญี่ปุ่นหลายคนเห็นว่าแนวคิดมินิมอลนี้มีมานานแล้วในวัฒนธรรมของตน เพราะความเรียบง่ายเป็นส่วนหนึ่งของหลักสำคัญของศาสนาพุทธนิกายเซน อีกทั้งการครอบครองสิ่งของแต่น้อยยังตอบโจทย์หลักการความปลอดภัยของที่อยู่ในอาศัยในปัจจุบัน ที่เชื่อว่าบ้านที่มีของตกแต่งน้อยจะปลอดภัยกว่าเมื่อเวลาเกิดภัยพิบัติอย่างแผ่นดินไหว เพราะลดความเสี่ยงจะถูกของหล่นทับจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกหากกระแสมินิมอลจะได้รับการยอมรับและขยายตัวอย่างรวดเร็วในญี่ปุ่น