เวทีแจงประชามติรธน.โคราช กกต.แนะศึกษาข้อมูลให้เข้าใจ

เวทีแจงประชามติรธน.โคราช กกต.แนะศึกษาข้อมูลให้เข้าใจ

เวทีแจงประชามติร่างรธน.โคราช กกต.แนะศึกษาข้อมูลให้เข้าใจ ก่อนตัดสินใจ ด้าน “วิษณุ” บอกแม้ไม่มี ม.61วรรคสอง กม.ประชามติ มั่นใจไร้อุปสรรค

ที่หอประชุมเปรม ติณสูลานนท์ จ.นครราชสีมา สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดประชุมชี้แจงเรื่อง “ร่างรัฐธรรมนูญประชามติ และประชาชน”เป็นครั้งที่ 4 ซึ่งมีผู้แทนจาก 4 ฝ่ายเข้าร่วมชี้แจง ประกอบด้วย ผู้แทนจากคณะรัฐมนตรี คือ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายปรเมธี วิมลศิริ  เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติผู้แทนจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นายปกรณ์ นิลประพันธ์  นายธนาวัฒน์ สังข์ทอง ส่วนผู้แทนจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)คือนพ.เจตน์ ศิรธรานนท์  นายสมชาย แสวงการ  ผู้แทนของกกต.ประกอบด้วย นายศุภชัย สมเจริญ  นายบุญส่ง น้อยโสภณ ขณะที่มีนักการเมือง อดีตส.ส.และอดีตส.ว. อาทิ นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตส.ว.นครราชสีมา นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย นายอิสสระ สมชัย อดีตส.ส.อุบลราชธานีพรรคประชาธิปัตย์และแกนนำกปปส. นายธีระชัย แสนแก้ว อดีตส.ส.พรรคภูมิใจไทย ร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี นายก อบจ. พร้อมด้วยผู้นำท้องถิ่น ภาคประชาชนจากกลุ่มจังหวัดภาคอีสานเข้าร่วม 512 คน เข้ารับฟังการชี้แจง             

โดยนายศุภชัย กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า การจัดประชุมครั้งนี้เพื่อให้ประชาชนทั้งประเทศได้รับข้อมูลข่าวรับการชี้แจงจากผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เนื่องจากระยะเวลาจำกัด ไม่สามารถจัดเวทีได้ทุกจังหวัดได้ จึงจัดเป็นรายภาคให้มารับฟังและสอบถามจากผู้แทนฝ่ายต่าง ๆ ได้โดยตรง เมื่อได้รับข้อมูลแล้วเหลือเวลาอีก 43 วัน ในการไปหาข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามแม้จะเผชิญแรงกดดันในการจัดออกเสียงประชามติกกต.และพนักงานยังยืนหยัดทำหน้าที่สุจริต เที่ยงธรรม เป็นกลางทางการเมือง                                    

นายบุญส่ง กล่าวว่า การแสดงความคิดเห็นของประชาชนไม่ต่างจากการแสดงความคิดเห็นในปี 2550 รัฐธรรมนูญชั่วคราวมาตรา 4 และพ.ร.บ.ประชามติในมาตรา 7 ได้รับรองการแสดงความคิดเห็นของประชาชน บทกำหนดโทษก็ล้อมาจากพ.ร.บ.ประชามติปี 50 มีเพียงมาตรา 61 วรรคสอง ที่มีการเพิ่มเติมมาใหม่ เนื่องจากเกรงว่าสถานการณ์ปัจจุบันเสี่ยงว่าจะมีความขัดแย้งสูง เป็นการเขียนเพื่อป้องปราม แต่เสรีภาพของประชาชนยังเหมือนเดิม ถ้าทำโดยสุจริตจะได้รับการคุ้มครอง            

นายวิษณุ กล่าวว่า ทุกเวทีที่ผ่านมามีบรรยากาศที่ดี เพราะการพูดจา มาพบกันทำให้พูดจากันรู้เรื่อง จาก 3 เวที มีคำถามเหมือนๆกัน เรื่องเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ ประชามติ ประชาชน ขอโอกาสตอบก่อนที่จะถาม จะได้เปลี่ยนไปถามเรื่องอื่น ส่วนที่เกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญคำถามยอดฮิตคือถ้ารัฐธรรมนูญผ่านจะทำอย่างไรต่อ ที่สำคัญไม่ผ่านจะทำอย่างไร ถ้าวันที่ 7 ส.ค.ผ่านประชามติ ต้องดูต่อไปว่าด้วยเหตุที่มีคำถามพ่วง ไม่เหมือนอังกฤษ ถามข้อเดียวอยู่หรือไป แต่ 7 ส.ค.จะมีสองท่อน มีคำถามสองข้อ                  

นายวิษณุ กล่าวต่อว่า คำถามข้อที่ 1 เป็นคำถามหลักเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ คำถามรองคือคำถามพ่วง สิ่งที่ผู้เข้าประชุมทุกเวทีถามถ้าประชามติผ่านจะทำอย่างไร ถ้าคำถามพ่วงไม่ผ่าน เรื่องนี้ง่าย ก็ใช้เวลาปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญ แล้วเขียน พิมพ์ นำขึ้นทูลเกล้าฯถวายเพื่อลงปรมาภิไธย ก็เตรียมหาเสียงเลือกตั้งได้เลย และถ้าผ่านทั้งร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วง  ต้องใช้เวลาไม่กี่วันสำหรับแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ไปด้วยกันกับความถามพ่วง เมื่อแก้เรียบร้อยก็นำขึ้นทูลเกล้าฯเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง แต่ก่อนเลือกตั้งก็ต้องมีกฎหมาย                                       

“สถานการณ์ที่ 3 ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็ไม่ต้องสนใจคำถามพ่วงผ่านไม่ผ่านแล้ว คำตอบจากนายกฯคือต้องทำใหม่ เพียงแต่จะใช้เวลาให้รวดเร็ว ไม่มีเหตุผลที่จะเอาฉบับที่ยังไม่เกิดมาวางเทียบ เพราะจะทำให้มีอคติในการลงประชามติ  ต้องทำให้เร็วเพื่อให้จัดเลือกตั้งปี 60 อยู่ดี นี่คือคำตอบ”นายวิษณุ กล่าว    

นายวิษณุกล่าวว่า คำถามยอดฮิตที่ 2 มาตรา 61 วรรคสอง เป็นปัญหาของเสี้ยวหนึ่งของวรรคหนึ่งของมาตรานี้เท่านั้น เกิดโต้เถียงกัน มีคนร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ คนวิตกจริตว่าถ้าขัดรธน.จะไม่มีประชามติ ยืนยันว่าทุกอย่างเหมือนเดิม วันที่ 7 ส.ค.ยังมีอยู่ ไม่มีอะไรเป็นอุปสรรค แต่มีคนบอกว่าถ้าไม่มีมาตรานี้จะแสดงความคิดเห็นก้าวร้าว รุนแรง หยาบคายได้ อยากขอให้ระมัดระวัง ตนห่วงคนเหล่านี้จะกลายเป็นการกรีฑาทัพออกมา ต้องระวังให้มากเพราะจะเป็นการหนีเสียปะจระเข้ เนื่องจากมีกฎหมายที่ใช้ควบคุมอีกเป็นกุรุส โดยเฉพาะคำสั่งคสช.ถ้าไม่เพียงพอก็ยังมี มาตรา 44 ที่ออกใหม่ได้ทุกวัน ยังมีเครื่องมืออยู่ ดังนั้นการจะทำอะไรควรให้อยู่บนพื้นฐานความสุจริตจะเป็นกรอบกำบัง เราไปห่วงกันมากเกินกับคำว่าก้าวร้าวรุนแรง แต่ลืมมาตรา 11 ที่ให้กกต.ดูแลการแสดงความเห็นอย่างสุจริต ถ้าไม่มีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงก็ไม่มีใครมาตอแย ทำอะไรก็ได้ที่ไม่เท็จ บิดเบือน คำว่ารับ ไม่รับไม่ผิด ถ้าไม่เท็จไม่บิดเบือนไม่มีปัญหา                      

“คำถามยอดฮิตที่เกี่ยวกับประชาชนเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ทำให้กินอิ่มนอนหลับอย่างไร ท่านอย่ามาหาประโยชน์จากรธน.ที่จะเป็นประโยชน์ส่วนตน รัฐธรรมนูญมีไว้แก้ปัญหาประเทศ ปัญหาของประเทศคือทุกข์ ต้องรู้เหตุแห่งทุกข์ ต้นตอปัญหามาจากไหน จะดับทุกข์คือแก้ปัญหาอย่างไรและใช้วิธีอะไร ยุทธศาสตร์ 20 ปี เป็นการเดาทุกข์ล่วงหน้าและเตรียมแนวทางแก้ไขไว้”นายวิษณุ กล่าว