'นปช.'ยุติเปิดศูนย์ปราบโกงฯ หลังตร.เข้าควบคุม

'นปช.'ยุติเปิดศูนย์ปราบโกงฯ หลังตร.เข้าควบคุม

"นปช." ยุติเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ หลังเจ้าหน้าที่เข้าควบคุม ด้าน "จตุพร" ซัดนายกฯกลับคำ เตือน! ระวังเหมือนสุจินดา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จัดแถลงข่าวเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติทั่วประเทศ โดยก่อนการแถลงข่าวได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสน.โชคชัย นำโดย พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย และเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งได้เข้าควบคุมพื้นที่ เพื่อห้ามจัดกิจกรรมดังกล่าว เนื่องจากผิดตามประกาศ และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ และพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 พร้อมขอให้สถานีโทรทัศน์พีชทีวี ยุติการถ่ายทอดสดกิจกรรมดังกล่าว ก่อนเวลาแถลง 10.00 น.

จากนั้นได้เชิญแกนนำนปช. สื่อมวลชน และประชาชนที่มาร่วมงานแถลงข่าวออกจากห้องแถลงข่าวทั้งหมด ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจจะวางกำลังยืนขวางประตูไว้ โดยนปช.ได้นำป้ายไวนิลซึ่งเขียนข้อความว่า “ประกาศ ที่นี่!! มิใช่ศูนย์ปราบโกงประชามติ” มาติดรอบสถานที่จัดแถลงข่าวด้วย ขณะที่บรรยากาศโดยรอบห้างอิมพีเรียล เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังดูแลความเรียบร้อยอย่างเข้มงวด ทั้งเข้า-ออก บริเวณทางเข้าลานจอดรถ

จากนั้นเวลา 09.20 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช. นางธิดา ถาวรเศรษฐ นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำนปช. ได้เดินทางมายังจุดแถลงข่าวพร้อมเจรจากับตำรวจเพื่อเข้าไปแถลงข่าว แต่ถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ ทางแกนนำจึงได้ย้ายมาแถลงข่าวบริเวณหน้าประตู โดยนายจตุพร กล่าวว่า นี่เป็นอีกครั้งหนึ่งของเผด็จการณ์สำรวยลืมคำ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คงต้องไปทบทวนคำพูดของท่านเรื่องศูนย์ปราบโกงฯ 3 ครั้ง ท่านให้เปิดได้ จนท่านไปประเทศอินเดียซึ่งเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดของโลกกลับมาสมองกลับจำความที่ตัวเองพูดเอาไว้ไม่ได้

ดังนั้นพล.อ. ประยุทธ์ จึงล้มละลายทางความน่าเชื่อถือไปเสียสิ้น คนที่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ เป็นหัวหน้าในคณะยึดอำนาจ ควรเป็นคนที่มีเกียรติยศ ไม่ใช่เป็นคนสับปรับ หน้าไหว้หลังหลอกไม่รักษาเกียรติยศ หรือคำพูดของตัวเองแบบนี้ ดังนั้น การใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาที่นี่ในวันนี้ และในทุกๆจุดทั่วประเทศนั้น ตนขอยืนยันว่าคสช.จะได้เพียงแค่สถานที่ และป้ายเท่านั้น ทั้งนี้โดยส่วนตัวเห็นใจการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ท่ามกลางอารมณ์แปรปรวนของผู้มีอำนาจที่วันหนึ่งก็พูดอย่างอีกวันหนึ่งก็พูดอีกอย่าง

“ผมขอทำนายว่าจุดจบของพล.อ.ประยุทธ์นั้น จะเหมือนพล.อ.สุจินดา คราประยูร ในปี 35 ดังนั้นขอให้ท่านภาคภูมิใจกับความสุขเล็กๆน้อยๆที่ท่านได้จากการปิดศูนย์ปราบโกงในวันนี้ แต่ท่านปิดได้เพียงแค่สถานที่ แต่ภารกิจเดินหน้าเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยนั้นจะเดินหน้าเตรียมเปี่ยม ไม่หวั่นไหวต่ออำนาจเผด็จการ และไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะเป็นอย่างไร ท่านอาจจะทำสีหน้าขึงขังอยู่ แต่การรักษาความยิ่งใหญ่นั้นอยู่ที่การรักษาคำพูด ซึ่งบัดนี้ท่านไม่เหลืออะไรแล้ว ท่านสูญสิ้นภาวะผู้นำ” นายจตุพร กล่าว

ทั้งนี้ยืนยันว่าเราไม่ได้กระทำผิด ไม่ได้ชุมนุมทางการเมือง แค่ทำหน้าที่ตรวจสอบให้การทำประชามติเป็นไปด้วยความโปร่งใสและมีคนออกมาใช้สิทธิ์เป็นจำนวนมากเท่านั้น

เมื่อถามว่าหากไม่ได้ดำเนินการเปิดศูนย์ฯ แล้วจะดำเนินการตรวจสอบต่อไปอย่างไร นายจตุพร กล่าวว่า หมายเลขโทรศัพท์ หรือการแจ้งข่าวในโลกโซเชียล เช่น เฟซบุ๊ก ก็จะแปรสภาพเป็น ศูนย์รับเรื่องราวการทุจริตที่เกิดขึ้นทั้งหมด แล้วเราก็จะนำเรื่องที่ได้รับไปฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และวันพรุ่งนี้ (20 มิ.ย.) เวลา 11.00 น. นปช.ก็จะเดินทางไปพบยูเอ็น

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ตนไม่ได้มีความรู้สึกโกรธพล.อ.ประยุทธเลย แต่รู้สึกว่าท่านยอมเสียคำพูดกับเรื่องเหล่านี้ ในขณะที่ประเทศเราเองก็อยู่ในสถานะที่ค่อนข้างลำบาก เรื่อง GT200 ก็อัปยศเกินพอแล้ว เรื่องนี้ท่านก็ยอมเสียเกียรติภูมิอีก แทนที่จะรวมกันจัดการคนโกง กลับมาจัดการคนที่จะจับมือกับรัฐในการปราบโกง จนเห็นว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด

ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า การเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติของกลุ่มนปช.นั้น ไม่มีเรื่องอะไรที่จะทำให้เกิดความเสียหาย เพียงแต่ผู้มีอำนาจคิดอยู่ตลอดเวลาว่ามีประชาชนอีกกลุ่มเป็นฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ความเคลื่อนไหวใดก็ตามที่มาจากประชาชนกลุ่มนี้ ก็จะถูกตั้งแง่จากผู้มีอำนาจ และถูกสกัดกั้นจากผู้มีอำนาจในหลายช่องทางตลอดมา ตนอยากเรียนว่าเราไม่เคยคิดที่จะลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับคสช. หรือรัฐบาล ตลอดเวลาสองปีกว่า อยากจะทำอะไรเราก็ไม่เคยไปสกัดขัดขวาง แต่การลงประชามติเป็นการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นหัวใจสำคัญ และสถานการณ์นี้ทำให้เราเห็นชัดว่า คนกลุ่มหนึ่งล้มการเลือกตั้งได้ แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งแม้แต่จะมีส่วนร่วมกับการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญก็ทำไม่ได้

หลังจากนี้เราก็ไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ยืนยันว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำมาก็ทำมาอย่างดีที่สุดเพื่อให้เกิดพื้นที่เสรีภาพแก่ประชาชนทุกคนทุกฝ่ายไม่ใช่แต่พวกตน วันนี้สิ่งที่พวกตนยืนยันมาตลอดคือใครเห็นด้วยก็ต้องสามารถรณรงค์เคลื่อนไหวได้ ใครไม่เห็นด้วยก็ต้องทำได้เช่นเดียวกัน ส่วนที่มีการหยิบยกโพลมานำเสนอ อ้างว่ามีคนจำนวนมากกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ไม่เห็นด้วยกับการตั้งศูนย์ปราบโกงฯของนปช. ก็โปรดเข้าใจด้วยว่าตนมองว่าโพลดังกล่าวไปถามประชาชนก็เหมือนไม่ได้ถามอะไร เพราะเมื่อผู้มีอำนาจไปถามประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่กับเราก็ยากที่จะมีคนแสดงออกว่าเห็นด้วย ดังนั้น ขอเชิญชวนประชาชนว่าความจริงที่ท่านมีในใจ ถ้าวันนี้พูดไม่ได้ วันนี้มีอำนาจใดไปกดทับท่านอยู่ ก็ขอให้ไปพูดความจริงกันในวันที่ 7 ส.ค.นี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า การไปพบยูเอ็นจะไปพูดเรื่องอะไรบ้าง นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะเล่าความจริงทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น เราไม่เคยคิดไปดึงเอาสหประชาชาติเข้ามาแทรกแซงหรือมีอำนาจเหนือรัฐไทย แต่เราไปพูดเรื่องสิทธิมนุษยชนซึ่งเป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสำคัญเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เชื่อมั่นหรือไม่ว่าการทำประชามติจะเกิดขึ้นจริงในวันที่ 7 ส.ค. นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เห็นชะตากรรมของศูนย์ปราบโกงฯแล้ว ตนไม่เชื่อมั่นอะไรทั้งนั้น เพราะขนาดศูนย์ปราบโกงฯยังอาการขนาดนี้คิดดูแล้วกันว่าการลงประชามติ ให้ตนเชื่อมั่นอย่างไร

จากนั้น นางธิดา ถาวรเศรษฐ ที่ปรึกษา นปช.กล่าวว่า วันนี้ไม่ใช่การชุมนุมทางการเมือง และสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ที่สาธารณะ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะมาบอกว่าเป็นการชุมนุมเกิน 5 คนในที่สาธารณะไม่ได้ การยึดป้ายเหมือนเป็นการปล้นทรัพย์ เพราะป้ายไม่มีอะไรเลยประชาชนใช้เงินซื้อมา

ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวว่า ศูนย์ปราบโกงประชามติดังกล่าว เป็นสำนักงานสนับสนุนประชาธิปไตยไม่ใช่สำนักงานโค่น คสช. ส่วนป้ายที่ขึ้นข้อความ เช่น “7 สิงหาใช้ปากกาสร้างประชาธิปไตย” ตนไม่เข้าใจว่าผิดอะไรไปหนักศีรษะตรงไหนของคสช.หรือไม่