พาณิชย์พบนอมินีในภูเก็ต สวมสิทธิ์คนไทยทำธุรกิจ

พาณิชย์พบนอมินีในภูเก็ต สวมสิทธิ์คนไทยทำธุรกิจ

กระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ตรวจนอมินีในภูเก็ต พบสวมสิทธิ์บัตรประชาชนของไทยทำธุรกิจท่องเที่ยว รวบแล้ว 1 ราย ส่วนอีกรายยังหลบหนี

นายสาโรจน์ สุวัตถิกุล รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กล่าวว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในจังหวัดภูเก็ต เข้าตรวจสอบธุรกิจที่อาจมีความเชื่อมโยงกับชาวต่างชาติที่ใช้คนไทยเป็นนอมินี จำนวน 17 บริษัท โดยอยู่ในภูเก็ต 15 บริษัท และพังงา 2 บริษัท ซึ่งการจากตรวจสอบพบว่า มีคนต่างด้าว 2 คน สวมสิทธิบัตรประชาชนของไทยในจังหวัดเชียงราย คือ นายวีระชัย คำไผ่ประพันธ์กุล และนายกฤชกร รุ่งมงคลนาม ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องการการท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต โดยได้มีการแจ้งความดำเนินคดีแล้ว ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามาถจับกุมนายกฤชกร ได้แล้ว ส่วนนายวีระชัย อยู่ระหว่างการหลบหนี

แต่ส่วนของการสวมบัตรประชาชนคนไทยนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังไปตรวจสอบว่ากรณีดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร

นอกจากนี้ คนต่างด้าวทั้ง 2 ราย ยังมีความผิดตามมาตรา 37 พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 ที่กำหนดว่า หากคนต่างด้าวประกอบธุรกิจสงวนสำหรับคนไทย หรือประกอบธุรกิจที่ต้องขออนุญาต แต่ไม่ได้ขออนุญาต จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 ถึง 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งให้เลิกประกอบกิจการ หรือเลิกการเป็นผู้ถือหุ้น หากฝ่าฝืน จะมีโทษปรับอีกวันละ 10,000-50,000 บาท

ส่วนคนไทยที่เป็นนอมินี จะมีโทษเดียวกัน พร้อมกันนั้น กรมฯ ยังได้ส่งเรื่องให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีย้อนหลัง รวมทั้งได้ประสานให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) เข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงินด้วย

นายสาโรจน์ กล่าวว่า เบื้องต้นทางกรมฯ ได้ดำเนินการตามกฎหมาย โดยสั่งให้เพิกถอนคำขอจดทะเบียนต่างๆ ของทั้ง 17 บริษัทไว้ก่อน เช่น การเพิกถอนคำขอจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงกรรมการ หรือถ้าคนต่างด้าวทั้ง 2 คนนี้ มีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้น หรือผู้ร่วมก่อตั้งบริษัททั้ง 17 แห่งตั้งแต่ต้น และกรรมการบริษัทหรือผู้ถือหุ้นรู้เห็นเป็นใจ และสนับสนุนให้คนต่างด้าวทำธุรกิจต้องห้าม ก็อาจถึงขึ้นเพิกถอนทะเบียนพาณิชย์ หรือเพิกถอนบริษัทด้วย

ขณะเดียวกันยังได้ลงหมายเหตุไว้ในทะเบียนบริษัท และหนังสือรับรองบริษัทแล้วว่า เป็นบริษัทที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบการจดทะเบียนของกรมฯ ขอให้ระมัดระวังในการติดต่อหรือทำธุรกิจด้วย เพราะอาจได้รับความเสียหายได้

"จากการตรวจสอบคนต่างด้าวทั้ง 2 คน พบว่าเป็นคนสัญชาติจีน สวมสิทธิบัตรประชาชนคนเชียงราย เพื่อแอบอ้างเป็นคนไทย และมีชื่อเป็นกรรมการอยู่ในธุรกิจทั้ง 17 บริษัทที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทั้งโรงแรม รีสอร์ท รถขนส่ง รถทัวร์ เรือรับส่งผู้โดยสาร ขายของที่ระลึก ร้านอาหาร สปา เป็นต้น ซึ่งเป็นธุรกิจสงวนของคนไทย คนต่างด้าวไม่สามารถทำได้ หรือหากจะทำก็ต้องขออนุญาตก่อน" นายสาโรจน์ กล่าว