Corporate News (14 มิ.ย.59)

Corporate News (14 มิ.ย.59)

PTTGC ซื้อ, RS ถือ, EFORL ซื้อ

PTTGC   ซื้อ    ราคาพื้นฐาน 67.00 บาท

PTTGC : เราคาดว่าระยะสั้นราคาหุ้นอาจได้รับผลกระทบเชิงลบจากการปิดโรง Olefins Cracker เนื่องจากฟ้าผ่าซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำไรสุทธิราว 4% ภายใต้ Scenario ที่แย่ที่สุดของเรา นอกจากนี้เราได้ปรับลด PX และ BZ Spread ให้สอดคล้องกับมุมมองของผู้บริหาร ดังนั้นเราได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 58-59 ลง 8% และ 1% ตามลำดับ อย่างไรก็ตามยังคงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยราคาเป้าหมายที่ 67.00 บาท (รายละเอียดอยู่ในบทวิเคราะห์วันนี้)
 

RS    ถือ    ราคาพื้นฐาน 12.00 บาท 

RS : ผู้บริหารเปิดเผยว่า บริษัทขยายการลงทุนในธุรกิจสุขภาพและความงาม ภายใต้ชื่อแบนรด์ใหม่ไลฟ์สตาร์” (LifeStar) เพื่อการทำการตลาดธุรกิจสุขภาพและความงามเต็มรูปแบบ และยังมองเป็นธุรกิจหลักในอนาคต โยบริษัทตั้งเป้ารายได้ของ LifeStar อยู่ที่ 600 ล้านบาท จากปี 2558 ที่มีรายได้มากกว่า 200 ล้านบาท เนื่องจากธุรกิจสุขภาพและความงามมีการเติบโต รวมถึงยังมีมาร์จิ้นที่ดี โยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 65-70% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 20-25% อีกทั้งในปี 2559 รายได้ของ LifeStar คิดเป็นสัดส่วน 15% ของรายได้รวม และตั้งเป้าปี 2560 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 30% ของรายได้รวม และ 50% ของรายได้รวมภายในปี 2561 (ข่าวหุ้น)

EFORL   ซื้อ    ราคาพื้นฐาน 1.00 บาท

EFORL : ผู้บริหารเปิดเผยว่า บบบริษัทประเมินกำไรสุทธิปี 2559 จะต่ำกว่าปี 2558 ที่มีจำนวน 210 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัวลง ประกอบกับมีต้นทุนในการดำเนินการมากขึ้น รวมถึงการย้ายสาขาวุฒิศักดิ์ คลีนิก แห่งเดิมเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 เบื้องต้นคาดว่าจะขาดทุนน้อยกว่าไตรมาส 1/59 ที่ขาดทุนสุทธิจำนวน 32 ล้านบาท โดยภาพรวมยอดขายเครื่องมือแพทย์มีทิศทางดีขึ้น อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของไตรมาสที่เหลืออีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร(ข่าวหุ้น)

JSP : ผู้บริหารเปิดเผยว่า แนวโน้มยอดโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาส 2/59 จะดีขึ้นจากช่วงไตรมาส 1/59 ที่มีรายได้รวม 539 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 57 ล้านบาท โดนยอดโอนกรรมสิทธิ์หลักจะมาจากอาคารพาณิชย์โครงการสำเพ็ง 2 และโครงการทิวลิปสแควร์ @ อ้อมน้อย ซึ่งล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอนประมาณ 6,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงปีนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปี 2560 นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทยังมีที่ดินเปล่าในมือประมาณ 400 ไร่ รองรับการพัฒนาถึงปี 2563 มีทั้งที่ดินในกรุงเทพและชานเมือง ซึ่งบริษัทจะนำที่ดินในแถบชานเมืองมาพัฒนาเป็นโครงการแนวราบ เพื่อสร้างรายได้ที่รวดเร็วให้กับบริษัท (ข่าวหุ้น)