'คลัง'เผย'นายกฯ'ไฟเขียว ใช้ม.44จัดการเจ้าหนี้นอกระบบ

'คลัง'เผย'นายกฯ'ไฟเขียว ใช้ม.44จัดการเจ้าหนี้นอกระบบ

"ปลัดกระทรวงคลัง" เผย "นายกรัฐมนตรี" เห็นชอบใช้ม.44 จัดการเจ้าหนี้นอกระบบ พร้อมเสนอ ครม.อนุมัติแผนแก้หนี้นอกระบบเร็ว ๆ นี้

นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเห็นชอบที่จะใช้มาตรา 44 ในการจัดการกับผู้ที่ปล่อยกู้หนี้นอกระบบแล้วมีการคิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า 15% จะต้องเจอโทษจำคุก ซึ่งหากเจ้าหนี้นอกระบบอยากปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ยที่แพงขึ้น และถูกกฎหมาย ก็จะต้องเข้าสู่ระบบที่มีทั้งการขออนุญาตจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจนาโนไฟแนนซ์

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ทางสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้เสนอให้มีพิกโค่ไฟแนนซ์เพิ่มขึ้นมาด้วย เพื่อให้เป็นกลไกช่วยคนรากหญ้า ให้สามารถมีเงินไปใช้ในกรณีต้องการเงินเร่งด่วน วงเงิน 20,000-50,000 บาทได้ โดยผู้ที่จะปล่อยกู้พิกโค่ไฟแนนซ์ต้องมาขอรับอนุญาตจากกระทรวงการคลัง ซึ่งจะสามารถปล่อยกู้ได้ถึง 36%

"นาโนไฟแนนซ์ปล่อยกู้คิดดอกเบี้ยได้ถึง 36% แต่ก็ต้องเป็นสินเชื่อธุรกิจสำหรับลงทุนเท่านั้น ซึ่งชาวบ้านที่ไปกู้หนี้นอกระบบ เอามาจ่ายค่าเล่าเรียนบุตร ค่ารักษาพยาบาล ซึ่งไม่ใช่เงินทุน เขาต้องการด่วน ๆ เราจึงต้องมีช่องทางแบบนี้ ดังนั้นเมื่อเราใช้มาตรา 44 ที่ปราบแรงขึ้นก็ต้องให้โอกาสเขาเข้าระบบด้วย" นายสมชัยกล่าว

นอกจากนี้ ทางธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะมีการตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นในแต่ละแบงก์ เพื่อดูแลแก้ปัญหาหนี้นอกระบบโดยเฉพาะ และ กระทรวงการคลังจะกำหนดตัวชี้วัดผลดำเนินงาน (KPI) ในเรื่องนี้กับทั้ง 2 แบงก์ ขณะเดียวกันทุกจังหวัดจะต้องมีคณะกรรมการทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ด้วย ซึ่งในโครงสร้างคณะกรรมการจะมีสรรพากรร่วมอยู่ด้วย เพื่อใช้อำนาจสรรพากรในการเจรจากับเจ้าหนี้นอกระบบ

"ต่อไปนี้ เขาต้องแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นที่ปรึกษาการแก้ไขหนี้นอกระบบตลอด 24 ชั่วโมง โดยต้องมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินรองรับเอาไว้ ซึ่งจริง ๆเขาก็ทำอยู่ แต่คราวนี้จะต้องทำเป็นการถาวร ทั้งนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลังก็จะมีการปรับโครงสร้างเพื่อให้มีหน่วยงานดูแลเรื่องหนี้นอกระบบด้วย" ปลัดกระทรวงการคลังกล่าว

ทั้งนี้ เมื่อปรับโครงสร้างหนี้แล้ว จะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูอาชีพ สร้างรายได้ ซึ่งทุกจังหวัดทั่วประเทศจะมีคณะกรรมการดูแลเรื่องนี้ โดยดึงเอกชนมาร่วมในลักษณะประชารัฐ ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเร็ว ๆนี้ เพราะจะต้องมีการอนุมัติเบี้ยประชุมให้คณะกรรมการแต่ละคณะด้วย