'ไพบูลย์'ยื่นเจ้าคณะใหญ่ฯ ตั้งศาลสงฆ์จัดการ'ธัมมชโย'อวดอุตริ

'ไพบูลย์'ยื่นเจ้าคณะใหญ่ฯ ตั้งศาลสงฆ์จัดการ'ธัมมชโย'อวดอุตริ

"ไพบูลย์" ยื่นเจ้าคณะใหญ่ฯ ตั้งศาลสงฆ์จัดการ "ธัมมชโย" อวดอุตริ

ที่วัดพิชยญาติการาม นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ พร้อมนายแพทย์มโน เลาหวนิช อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย เข้ายื่นหนังสือต่อศาสตราจารย์พิเศษ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนกลาง  เพื่อให้กล่าวโทษพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เนื่องจากกระทำผิดวินัยสงฆ์ตามระเบียบของมหาเถรสมาคม  โดยต้องให้สละสมณเพศ

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ในฐานะผู้กล่าวโทษ และเป็นฆราวาส จึงเดินทางมายื่นหนังสือตามกฎของมหาเถรสมาคมฉบับ 11 ต่อสมเด็จพระพุทธชินวงศ์และพระราชวิสุทธิเวที เจ้าคณะภาค 1 ในฐานะเป็นคณะผู้พิจารณาขั้นต้นของมหาเถรสมาคมให้รับพิจารณาตรวจสอบกรณีที่พระธัมมชโย อวดอุตริ และครบองค์ประกอบอาบัติ 5 ประการ ว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลความผิดหรือไม่

นายไพบูลย์ ระบุ อีกว่า การอวดอุตริของพระธัมมชโย นั้นเป็นลักษณะการอ้างว่ามีคุณวิเศษ สามารถพบเห็นวิญญานได้ สามารถพาใครไปสวรรค์ก็ได้ รวมถึงอ้างว่าเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อหวังได้ลาภยศชื่อเสียง ซึ่งถือเป็นการละเมิดพระธรรมวินัย และจะต้องปราชิก ดังนั้นมหาเถระสมาคมจะต้องทำการไต่สวนเพื่อหาข้อเท็จจริง ซึ่งหากไม่ดำเนินการแสดงให้เห็นว่ากลไกการตรวจสอบของสงฆ์มีปัญหา 

ทั้งนี้ยืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจนที่จะสามารถเอาผิดพระธัมมชโยได้พร้อมยืนยันว่า การฟ้องร้องดังกล่าวเป็นการฟ้องร้องด้านธรรมวินัยเท่านั้นและไม่เคยมีใครฟ้องร้องมาก่อน รวมถึงไม่เกี่ยวข้องกับกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีกับพระธัมมชโยในคดีสมคบฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และรับของโจร  จากกรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น

อย่างไรก็ตาม หวังว่าทางคณะผู้พิจารณาชั้นต้นจะรับเรื่องไว้พิจารณาก่อนส่งเรื่องต่อไปยังมหาเถระสมาคมและดำเนินการด้วยความยุติธรรม ซึ่งหากไม่รับไว้พิจารณาจะยื่นอุทธรณ์อีกครั้ง โดยคาดว่าจะใช้เวลาพิจารณา 4-6 สัปดาห์ 

"การไปยื่นหนังสือในวันนี้พูดง่ายๆเหมือนเรียกร้องให้มีการตั้งศาลสงฆ์มาดำเนินคดีกับพระธัมมชโย และเมื่อคณะผู้พิจารณาชั้นต้นไต่สวนแล้ว คณะผู้พิจารณาชั้นต้นจะต้องรายงานข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และพระธรรมวินัยที่เกี่ยวข้องต่อมหาเถรสมาคม (มส.) และเมื่อ มส.พิจารณาแล้วเห็นว่าพระธัมมชโยผิด ก็จะสั่งให้สึก ทั้งนี้เป็นไปตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 21 ข้อ 4 ซึ่งออกมาเมื่อปี 2538 และใช้กับกรณีสึกพระยันตระ" นายไพบูลย์ กล่าว 

ทั้งนี้ในหนังสือที่นายไพบูลย์ ยื่นสมเด็จพระพุทธชินวงศ์และพระราชวิสุทธิเวที นั้น กล่าวหาพระธัมมชโยใน 4 กรณี คือ 1.อวดอ้างว่าพบเห็นวิญญาณของนายชาติชาย โรจน์กีรติกาญจน์ อยู่สวรรค์ชั้นที่ 2 ฝากข่าวมาบอกให้ลูกทำบุญไปให้มากๆ ทั้งที่ความจริงนายชาติชายยังไม่เสียชีวิต 2. อ้างว่าพบเห็นวิญญาณของสตีฟ จ๊อบส์ ไปเกิดในสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา 3. เรื่องพบเห็นพุทธทาสภิกขุตกอยู่ในนรก เพราะสอนธรรมะผิดและเป็นมิจฉาทิฐิ เรื่องพบเห็นพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต อยู่ในนรก เพราะหลงว่า ตนเป็นพระอรหันต์ ธัมมชโยจึงช่วยขึ้นมาบำเพ็ญบารมีต่อที่ชั้นดาวดึงส์ 4.อวดอ้างว่า ตนเป็นต้นธาตุ ต้นธรรม เป็นพระพุทธเจ้า ทั้งฝ่ายโปรดและฝ่ายปราบเหนือกว่าพระพุทธเจ้าธรรมดา สามารถให้ธรรมแก่ผู้ใดให้บรรลุธรรมกาย หรือปราบจับขังไว้ในตู้เซฟไม่ให้ได้ผุดได้เกิดก็ได้ 

โดยนำเข้าเผยแพร่ทางเว็บไซต์ http://www.dmc.tv เมื่อวันที่ 29-30 พฤษภาคม 2556 และเมื่อวันที่ 11-15 ตุลาคม 2556 เพื่อหวังเงินบริจาคจากประชาชนที่หลงเชื่อในคุณวิเศษที่ไม่มีอยู่จริง ครบองค์แห่งอาบัติปาราชิกสิกขาบทที่ 4 และมีกรณีคล้ายคลึง คือ กรณีพระวิรพล ฉัตติโก หรือ หลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก แห่งวัดป่าขันติธรรม จ.ศรีสะเกษ ที่กล่าวอ้างระหว่างเทศนาธรรมว่า เคยมีเพื่อนเป็นพระอินทร์ สามารถระลึกชาติได้ และเคยเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า โดยพระพุทธเจ้าตรัสว่า หลวงปู่เณรคำ จะได้เป็นผู้กอบกู้ศาสนา และเวียนว่ายตายเกิดมาจนถึงยุคปัจจุบันเพื่อนำพาศาสนิกชนให้หลุดพ้น ทำให้การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการอวดอุตริมนุสธรรม

จึงขอให้สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้พิจารณาชั้นต้น และพระราชวิสุทธิเวที เจ้าคณะภาค 1 ในฐานะผู้พิจารณาชั้นต้น ดำเนินการไต่สวนตามกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 11 ว่าด้วยการลงนิคหกรรม และดำเนินการนำส่งรายงานข้อเท็จจริงว่า ข้อกฎหมายพระธรรมวินัยต่อมหาเถรสมาคมด้วย เพื่อให้มหาเถรสมาคมได้พิจารณาดำเนินการให้พระเทพญาณมหามุนี (พระธัมมชโย) สละสมณเพศเสีย ตามอำนาจหน้าที่และขั้นตอนที่บัญญัติไว้ในกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 21