โพลล์ชี้ภัยแล้งทำพิษ มะนาวครองแชมป์ราคาสูงสุด

โพลล์ชี้ภัยแล้งทำพิษ มะนาวครองแชมป์ราคาสูงสุด

แม่โจ้โพลล์ ชี้ปชช.ส่วนใหญ่มองปัญหาภัยแล้งทำให้ราคาสินค้าเกษตรพุ่งสูง มะนาวยังคงครองแชมป์ราคาสูงสุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและพยากรณ์ทางการเกษตร (แม่โจ้โพลล์) มีการได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,123 ราย แบ่งเป็นภาคเหนือ ร้อยละ 45.42 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร้อยละ 19.03 ภาคกลาง ร้อยละ 32.59 และภาคใต้ ร้อยละ 2.96 ห้วงระหว่างวันที่ 9 - 19 พฤษภาคม 2559 ในหัวข้อ “คนไทย...กับผลกระทบภัยแล้งต่อราคาสินค้าเกษตร”

ซึ่งปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถือว่า มีความรุนแรงมากที่สุดในรอบหลายปี เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนิโญ่ทำให้ฝนตกน้อยกว่าปกติ ตั้งแต่ปี 2557 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ทั่วประเทศที่ไม่สามารถระบายน้ำออกมาได้เพียงพอต่อการเพาะปลูกโดยเฉพาะข้าว โดยภาครัฐได้มีมาตรการขอความร่วมมือในการงดเพาะปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ต่างๆ ทั้งนี้เพื่อ เก็บกักน้ำไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภคและป้องกันความ เสียหายอันจะเกิดจากภัยแล้ง รวมไปถึงพืชผลทางการเกษตรชนิดอื่นๆ อาทิ มะนาว ผักชี และถั่วฝักยาว  

โดยผลการสำรวจ พบว่า ประชาชน ส่วนใหญ่ ร้อยละ 82.81 ซื้อสินค้าเกษตรจากตลาดสด รองลงมา คือ ร้อยละ 44.88 ซื้อจากซุปเปอร์มาเก็ต ร้อยละ 37.76 ซื้อจากร้านค้าภายในชุมชน และอื่นๆ ร้อยละ 13.57

    จากการสอบถามความคิดเห็นการได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งต่อปริมาณและราคาสินค้าเกษตรในท้องตลาดนั้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 75.69 ได้รับผลกระทบ จากเหตุผลปริมาณสินค้าเกษตรในท้องตลาดมีปริมาณลดลง ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น มีเพียงร้อยละ 24.31 ที่ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากในพื้นที่มีปริมาณสินค้าที่เพียงพอทำให้ราคาสินค้าเกษตรไม่สูงมากนัก    โดยสินค้าเกษตรที่มีราคาปรับสูงขึ้น มีอยู่ 3 ประเภท คือ 1. ประเภทผัก ได้แก่ มะนาว รองลงมาคือ ผักชีต้นหอม และถั่วฝักยาว 2. ประเภทผลไม้ ได้แก่ ส้ม รองลงมาคือ ทุเรียน และองุ่น และ 3. ประเภทเนื้อสัตว์ ได้แก่ เนื้อหมู รองลงมา คือ เนื้อไก่และไข่ และเนื้อสัตว์

ขณะที่ด้านการปรับตัวเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อสินค้าเกษตรของประชาชน พบว่าส่วนใหญ่ ร้อยละ 64.96 ไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อ ส่วนอีกร้อยละ 35.04 มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อ โดยจะซื้อในปริมาณที่ลดลงและซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งสำหรับมาตรการการควบคุมราคาสินค้าเกษตรนั้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ กว่าร้อยละ 70.94 เห็นว่าภาครัฐควรมีมาตรการควบคุมราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะผักต่างๆ ส่วนอีกร้อยละ 29.06 เห็นว่าไม่จำเป็นต้องควบคุมราคาสินค้าเกษตร สำหรับข้อเสนอแนะต่อการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตรในระยะยาวนั้น

อันดับ 1 กว่าร้อยละ 55.56 ระบุว่า ควรรณรงค์ให้ประชาชนปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การปลูกผักไว้รับประทานเองที่บ้านหรือการใช้น้ำอย่างประหยัด อันดับ 2 ร้อยละ 20.4 เห็นว่าควรมีการควบคุมราคาสินค้าเกษตรไม่ให้สูงจนประชาชนได้รับผลกระทบ และอันดับ 3 ร้อยละ 19.88 ควรมีการบริหารจัดการต้นทุนด้านการผลิตและการตลาด เพื่อลดการฉวยโอกาสขึ้นราคาของพ่อค้าคนกลาง

หากพิจารณาตัวเลขภาวะเศรษฐกิจการเกษตรของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรในเดือนพฤษภาคม 2558 พบว่า ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร อยู่ที่ระดับ 106.19 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ระดับ 114.49 หรือลดลงประมาณร้อยละ 7.26 ส่วนดัชนีราคาสินค้าเกษตรที่เกษตรกรขายได้ ก็มีทิศทางลดลง เช่นเดียวกัน โดยอยู่ที่ระดับ 133.10 ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ระดับ 140.30 หรือลดลง ประมาณร้อยละ 5.13 โดยเฉพาะข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยแล้งเป็นสำคัญ และได้ ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย

อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจประชาชนมีข้อเสนอแนะในระยะยาว คือ การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุโดยการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เพียงพอต่อการทำการเกษตรและมีสินค้าเกษตรออกสู่ตลาดในปริมาณที่เพียงพอต่อไป