ปตท.ยืนยันส่งมอบท่อก๊าซครบถ้วน ตามคำสั่งศาล

ปตท.ยืนยันส่งมอบท่อก๊าซครบถ้วน ตามคำสั่งศาล

ปตท. แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ยืนยันส่งมอบท่อก๊าซครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาล วอนทุกฝ่ายเคารพการคำตัดสินของศาล

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT แจ้งตลาดหลักทรัพย์ ยืนยันอีกครั้งว่าส่งมอบท่อก๊าซครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาล โดยมี สตง.เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีและรับรองงบการเงิน โดยไม่เคยมีข้อสังเกตในเรื่องนี้มาก่อน พร้อมวอนทุกฝ่ายเคารพคำตัดสินของศาล รายละเอียดดังนี้

ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อต่าง ๆ ในขณะนี้ว่า เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2559 คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ได้มีมติกรณีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคและคณะได้ยื่นคำร้องให้ คตง. ตรวจสอบว่ามีการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ และ คตง. ได้มีคำสั่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดำเนินการตรวจสอบ และต่อมา สตง. ได้เสนอผลการตรวจสอบต่อ คตง. และ คตง. ได้ประชุมและมีมติว่า

(1) ปตท. ยังนำส่งทรัพย์สินท่อก๊าซธรรมชาติไม่ครบถ้วนตามคาพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ขอให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. ดำเนินการให้มีการส่งมอบท่อก๊าซที่ขาดไป และให้ ครม. ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุดเพื่อให้มีการบังคับคดีที่ถูกต้องครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนดต่อไป และ (2) อดีตรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง อดีตผู้บริหารรายหนึ่งของ ปตท. และพนักงานรายหนึ่งของ ปตท. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ คตง. ได้ส่งเรื่องให้ ปปช. พิจารณาดำเนินคดีอาญา และให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยและความรับผิดทางละเมิดด้วย มิฉะนั้น คตง. จะดำเนินการตามกฎหมายกับบุคคลดังกล่าว ซึ่ง ณ ขณะนี้ ปตท. ยังไม่ได้รับหนังสือจาก คตง. แต่อย่างใด

ปตท. ขอเรียนชี้แจงดังนี้

1. กรณี คตง. มีมติกล่าวหาว่ามีการนำส่งทรัพย์สินท่อก๊าซธรรมชาติไม่ครบถ้วนตามคาพิพากษาศาลปกครองสูงสุดนั้น ปตท. ขอยืนยันว่า ปตท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว โดยศาลปกครองได้มีคาวินิจฉัยในเรื่องนี้หลายคราว โดยในครั้งล่าสุดกรณีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกับพวกได้ยื่นคำร้องลงวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งคำร้องรายงานสรุปการดำเนินการตามคาพิพากษานั้น เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2559 ศาลปกครองสูงสุด (โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด) ก็ได้มีคำสั่งไม่รับคำร้องของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกับพวกที่อุทธรณ์ในประเด็นเดิมอีกครั้ง ซึ่ง ปตท. ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว

2. สตง. ได้เคยมีหนังสือลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2552 ถึง ปตท. แจ้งว่า ปตท. ยังแบ่งแยกทรัพย์สินไม่ครบถ้วน และไม่ได้นำรายงานของ สตง. เสนอต่อศาลปกครองสูงสุด โดยระบุในหนังสือดังกล่าวด้วยว่า “...ทั้งนี้ การดำเนินการแบ่งแยกจนครบถ้วนและเป็นไปตามคาพิพากษาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งคาวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุดถือเป็นยุติ”

อนึ่ง สตง. ได้ส่งหนังสือฉบับดังกล่าว รวมทั้งรายงานการตรวจสอบของ สตง. ให้กับหน่วยงานต่าง ๆ ด้วย กล่าวคือ นายกรัฐมนตรี สานักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สานักงานศาลปกครอง กระทรวงการคลัง และกระทรวงพลังงาน ซึ่งปตท. ได้ทราบว่า เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2552 สำนักงานศาลปกครองได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สตง. ว่า ผู้ถูกฟ้องคดีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดาเนินการตามคาพิพากษาแล้ว

ดังนั้น ปตท. จึงเห็นว่าข้อสรุปในมติของ คตง. ซึ่งอ้างอิงผลการตรวจสอบของ สตง. ว่า ปตท. ยังส่งท่อก๊าซคืนให้กระทรวงการคลังไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษา จึงเป็นการที่ สตง. และ คตง. มีความเห็นที่ขัดแย้งและแตกต่างไปจากคำวินิจฉัยและคำสั่งของศาล และสำนักงานศาลปกครองก็ได้เคยแจ้งให้ สตง. ทราบแล้ว

3. ปตท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันดำเนินการแบ่งแยกทรัพย์สินตามคาพิพากษา โดยได้ให้ข้อมูลและเอกสารต่อศาลปกครองและหน่วยงานที่มีหน้าที่บังคับคดีของศาลอย่างครบถ้วนมิได้มีการปกปิดข้อมูล ข้อเท็จจริงแต่อย่างใดทั้งสิ้น โดยได้ดำเนินการตามคาพิพากษานับตั้งแต่มีมติ ครม. เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2550 และได้รายงานต่อศาล กระทรวงพลังงาน และ กระทรวงการคลัง รวมถึง เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2553 ครม. ก็ได้รับทราบการดาเนินการตามคาพิพากษาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยกระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังได้รายงานผลการดาเนินการตามมติครม. 2550 และการพิจารณาของศาลเกี่ยวกับการดำเนินการตามคำพิพากษา

นอกจากนี้ปตท. ก็ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อให้ผู้ลงทุนได้ทราบข้อมูลความคืบหน้าที่สาคัญเป็นระยะ รวมทั้ง ได้รายงานต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้รับทราบด้วย

ทั้งนี้ บันทึกข้อตกลงและสัญญาให้ใช้ทรัพย์สินที่ ปตท. ได้แบ่งแยกตามคำพิพากษา ระหว่างกรมธนารักษ์ และ ปตท. ซึ่งผ่านการพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุด ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า หากศาลมีคำวินิจฉัยให้ ปตท. นำส่งทรัพย์สินเพิ่มเติม คู่สัญญาก็จะมาทำข้อตกลงเพิ่มเติม รวมทั้งในคำร้องรายงานสรุปการดำเนินการตามคาพิพากษาต่อศาล ปตท. ก็ได้กราบเรียนศาลด้วยว่า พร้อมที่จะดำเนินการตามคาวินิจฉัยของศาล

ดังนั้น ปตท. รวมถึงหน่วยงานและบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่อาจดำเนินการใด ๆนอกเหนือไปจากคำพิพากษาได้ จึงเป็นที่ชัดเจนว่า ปตท. และบุคคลที่เกี่ยวข้อง มิได้ดาเนินการใด ๆ ที่จะทำให้รัฐต้องสูญเสียหรือเสียหาย เพราะได้ปฏิบัติตามคาวินิจฉัยศาลโดยครบถ้วนแล้ว

4. งบการเงินของ ปตท. ซึ่งมี สตง. ผู้สอบบัญชีของ ปตท. เป็นผู้ตรวจสอบรับรองนั้นไม่เคยระบุว่า ปตท. ยังแบ่งแยกทรัพย์สินให้กระทรวงการคลังไม่ครบถ้วน ไม่ว่าในส่วนของความเห็นของผู้ตรวจสอบบัญชีงบดุล หรือในส่วนของหมายเหตุประกอบงบการเงิน ซึ่งตามมาตรฐานบัญชีนั้น ผู้สอบบัญชีรับอนุญาตจะต้องให้ข้อมูลเพียงพอที่จะไม่ทำให้ผู้อ่านงบการเงินเกิดความเข้าใจผิด ผู้ว่า สตง. ในขณะนั้น ในฐานะผู้สอบบัญชีของ ปตท. ก็ได้ลงนามรับรองงบการเงินของ ปตท. ในปี 2550 และ 2551

โดยในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ที่ปรับเปลี่ยนรายการทรัพย์สินท่อก๊าซธรรมชาติ เป็นสิทธิในการเช่าใช้ เฉพาะในส่วนที่ปตท.กำลังดาเนินการแบ่งแยกและคืนให้รัฐ โดยไม่รวมท่อในทะเล ซึ่งเป็นการยืนยันความถูกต้องของการแบ่งแยกทรัพย์สินต่อปตท.และผู้ถือหุ้นแล้ว และในปีต่อๆ มาจนถึงปัจจุบัน สตง.ก็ได้รับรองงบการเงินโดยไม่มีข้อสังเกตใดๆในเรื่องนี้มาตลอด

5. กรณีที่ คตง. มีมติกล่าวหาว่า อดีตรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลัง อดีตผู้บริหารรายหนึ่งของ ปตท. และพนักงานรายหนึ่งของ ปตท. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบนั้น ปตท. ขอเรียนชี้แจงว่า การดาเนินการของอดีตผู้บริหาร ปตท. และพนักงานของ ปตท. เป็นการดาเนินการเพื่อและในนามของ ปตท. ทั้งสิ้น บุคคลดังกล่าวมิได้ดาเนินการในฐานะส่วนตัวโดยพลการ หรือเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด และการดาเนินการดังกล่าว คณะกรรมการ ปตท. ได้อนุมัติ เห็นชอบหรือรับทราบมาโดยตลอด รวมทั้งได้รายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ถือหุ้นทราบโดยสม่ำเสมอ

ปตท. เห็นว่าแม้บุคคล หน่วยงาน ซึ่งรวมถึงองค์กรอิสระต่าง ๆ อาจมีความเห็นแตกต่างกันได้ แต่เมื่อการดำเนินการตามคาพิพากษา อยู่ในอานาจการพิจารณาวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด และการแบ่งแยกทรัพย์สินของ ปตท. ได้ผ่านการพิจารณาของสานักงานบังคับคดีศาลปกครอง โดยศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำวินิจฉัยหลายคราวแล้วว่าได้มีการดำเนินการครบถ้วนแล้ว และไม่อาจวินิจฉัยชี้ขาดประเด็นแห่งคดีดังกล่าวได้อีก ก็จำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องให้ความเคารพและไม่ควรก้าวล่วงต่อคำพิพากษา คำวินิจฉัย หรือคาสั่งศาล ทั้งนี้ ในส่วนของ ปตท. เองนั้น แม้ว่าในขั้นตอนการแปลงสภาพการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเป็นบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จะได้มีการหารือและได้รับความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกาว่า การโอนทรัพย์สินทุกอย่างสามารถดำเนินการได้ก็ตาม แต่เมื่อภายหลังศาลปกครองสูงสุดได้มีคาพิพากษาที่แตกต่างไปจากความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ได้เคยให้ไว้ ปตท. และผู้ถูกฟ้องคดีก็น้อมรับและเคารพและได้ปฏิบัติตามคาพิพากษาดังกล่าวโดยเคร่งครัด

ปตท.ยึดมั่นในหลักการกำกับกิจการที่ดี ที่ต้องคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกด้านอย่างเป็นธรรม โดยจะร่วมมือชี้แจงและให้ข้อมูลกับหน่วยงานที่ คตง. ระบุ และจะดำเนินการต่างๆที่จำเป็นเพื่อสร้างความชัดเจนในสังคม และป้องกันผลกระทบทางลบต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุน เศรษฐกิจ และกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย