BBL - ซื้อ

BBL - ซื้อ

สาระการประชุม MS GEM ที่ลอนดอน

ประเด็นการลงทุน

เราได้พาผู้บริหารจาก BBL คุณชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ไปร่วมงาน Morgan Stanley GEM ที่ลอนดอน สหราชอาณาจักร เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เรารู้สึกว่านักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่ออนาคตของธนาคาร เนื่องจากโครงการสาธารณูปโภคจากภาครัฐเริ่มดำเนินงานในครึ่งปีหลังกอปรกับเศรษฐกิจของประเทศประเทศไทยที่ส่งสัญญาณการฟื้นตัวในไตรมาสแรก

ผลดังกล่าวอาจทำให้ BBL สามารถเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปี 2559 ที่เดิมตั้งไว้ที่ 3% และเพิ่มการเติบโตของรายได้จากค่าธรรมเนียมที่มีเป้าเพียง 8% นอกจากนี้ความกังวลเกี่ยวกับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะถูกขจัดไปด้วยการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ดีและโอกาสการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ลดลง เรายังคงคำแนะนำให้ ”ซื้อ” BBL หนุนโดย 1)ได้รับผลประโยนช์จากโครงการภาครัฐ 2) บริหารสินทรัพย์เสี่ยงทำได้ดีและมีอัตราส่วนการตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญสูงสุดอยู่ที่ 174% 3)ราคาที่น่าสนใจในระดับ PBV ที่ต่ำเพียง 0.8 เท่า 4) อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 4.4%

โครงการสาธารณูปโภคภาครัฐ จะสร้างอนาคตที่สดใส

นักลงทุนต่างพากันแสดงความสนใจถึงผลประโยชน์จากการที่ธนาคารอาจได้รับจากการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่จากภาครัฐในอนาคต ผู้บริหารคาดว่าหากโครงการภาครัฐสามารถดำเนินการได้ในปีนี้ อาจทำหะนาคารสามารถเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่มีเป้าเดิมที่ 3% และการเติบโตของรายได้จากค่าธรรมเนียมที่อาจสูงกว่าเป้าปัจจุบันที่ 8% (รวมถึงความมั่นใจของภาคเอกชนจะเพิ่มขึ้นเมื่อมีการเลือกตั้งในปีหน้า) ทางธนาคารมั่นใจว่าจะเป็นผู้สนับสนุนการเงินหลัก ในการปล่อยสินเชื่อให้แก่โครงการระหว่างภาครัฐ และผู้รับเหมา และการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership) เนื่องจากธนาคารมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้รับเหมาและซัพพลายเออร์ และมีความสามารถในการปล่อยสินเชื่อต่อรายลูกค้าสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้นธนาคารมีบริการเปลี่ยนสินเชื่อเป็นหุ้นกู้และหุ้นกู้แปลงสภาพ และยังได้ค่าธรรมเนียมในออกหุ้นกู้ให้แก่ลูกค้าด้วย ปัจจุบันรายจ่ายการลงทุนภาครัฐในโครงการขนส่งมวลชนจะอยู่ที่ 1.76 ล้านล้านระหว่างปี 2559-2568

มาตรการผ่อนคลายการเงินใกล้สิ้นสุด = ลดความเสี่ยง NIM หดตัวลดลง

นักลงทุนหลายคนกังวลว่ามาตรการผ่อนคลายทางการเงินจะส่งผลกระทบต่อส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย BBL ต่อเนื่องจากปีก่อน อย่างไรก็ตามผู้บิหารได้แจ้งว่าการหดตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในปี 2558 เกิดจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จาก 1.75% มาอยู่ที่ 1.50% ในไตรมาส 1/58 และธนาคารมีการออกเงินฝากอัตราดอกเบี้ย(ที่ให้อัตราพิเศษ) ปีก่อนจำนวนมาก ผู้บริหารมองว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายปี 2559 หากมาตรการผ่อนคลายทางการเงินหลายประเทศยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในปีนี้ BBL ตั้งเป้าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.2-2.3% เพิ่มขึ้น 10 -20bps จาก 2.1% จากปีที่แล้ว เป็นผลจากการครบกำหนดของอัตราดอกเบี้ยเงินฝากระยะยาวที่อัตราดอกเบี้ยสูง และจากสมมติฐานเชิงอนุรักษ์นิยมของเรา เราคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยปี 2559 ของ BBL จะอยู่ที่ 2.1% เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยธนาคารไตรมาส1/59อยู่ที่ 2.3% เป็นตามเป้าหมายของธนาคาร


หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ในการควบคุมธนาคาร

นักลงทุนส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับวงจรอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจซบเซา ผู้บริหารกล่าวว่าอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่คงอยู่ในวิสัยที่จะควบคุมได้และไม่มีสัญญาณถึงความน่าเป็นห่วง BBL ตั้งเป้าอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้อยู่ที่ 3.0-3.2% ในปี 2559 เพิ่มขึ้นจาก 2.8% ในปี 2558 และ 2.9%สิ้นเดือนมีนาคาม 2559 โดยธนาคารมองว่า SME ที่เน้นการส่งออก และสินเชื่อรายย่อยบางกลุ่มยังต้องมีการระวัดระวังที่จะกลายเป็น NPL อย่างไรก็ตามอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสมต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายอยู่ที่ 174% ซึ่งมากพอที่จะรับมือกับการเพิ่มขึ้นของอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกกิดรายได้ ปัจจุบันรัฐบาลมีการช่วยเหลือและแก้ไขกฎหมายการเร่งคดีฟ้องร้องและยึดทรัพย์ในกระบวนการศาล ทำให้ BBL จัดการกับทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เร็วขึ้น ผู้บริหารยังล่าวอีกว่าการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯของปี 2559 อยู่ที่ 12 พันล้านบาท ลดลงจาก 14.5 พันล้านบาท จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาด

พยายามเพิ่มผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้นและเงินปันผล

นักลงทุนส่วนมากมีความกังวลเกี่ยวอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของธนาคารอยู่ที่ประมาณ 10% เทียบกับธนาคารคู่แข่งอื่นๆที่ 11-15% โดยผู้บริหารแจ้งว่าอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นที่ต่ำ มากจากเงินทุนที่แข็งแกร่งของธนาคารโดยรวมผลเงินกองทุนขั้นที่ 1 และเงินกองทุนขั้นที่ 2 (รวมค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสม) และการบริหารสินทรัพย์ที่ยังมีความระมัดระวังมาก(อัตราการปล่อยสินเชื่อต่อยอดเงินฝากที่ต่ำอยู่ที่ 86% เทียบกับทั้งกลุ่ม ที่ 92%) โดยธนาคารจะเน้นการขยายฐานสินเชื่อให้แก่ ธุรกิจ SME ขนาดกลางถึงใหญ่มากขึ้น รวมถึงการจ่ายเงินปันผลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น (เงินปันผลสุทธิต่อหุ้นไม่น้อยกว่าปีที่ผ่านมา) ผลทั้งสองอย่างจะหนุนให้อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คณะกรรมการของธนาคารยังไม่เปลี่ยนแปลงอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 40% นอกจากนี้ผู้บริหารคาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายรับในปี 2559 อยู่ที่ 45% ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ทั้งนี้ผู้บริหารได้เห็นแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดูซบเซา และไม่มีความจำเป็นสำหรับธนาคารที่จะใช้จ่ายในการดำเนินงานเชิงรุกในช่วงนี้ ผลดังกล่าวทำให้ธนาคารมุ่งเน้นเรื่องการควบคุมค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น เราเชื่อว่าจากสมมติฐานเชิงอนุรักษ์นิยมของเรา เราคาดว่าอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของ BBL จะอยู่ที่ 10% และอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 4.4%