เผยยอดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ยังเพิ่มขึ้น

เผยยอดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ยังเพิ่มขึ้น

"ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ ธอส." เผย ผลสำรวจพบที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ลำลูกกา บางพลี และบางบัวทอง

นายสัมมา คีตสิน ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวในการจัดสัมมนารายงานผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ว่า จากการสำรวจภาคสนามของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เมื่อสิ้นปี 2558 พบว่า ภาพรวมผู้ประกอบการทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ยังเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยทั้งประเภทบ้านจัดสรรและอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอลำลูกกา บางพลี และบางบัวทอง ซึ่งเมื่อมีจำนวนหน่วยสร้างรอการขายมากก็มียอดเหลือขายมากตามไปด้วย ทำให้ภาพรวมที่อยู่อาศัยมีจำนวนหน่วยในผังโครงการเพิ่มขึ้น โดยเป็นประเภททาวน์เฮ้าส์มากกว่าครึ่ง ราคาต่อหน่วยส่วนใหญ่ประมาณ 3-5 ล้านบาทและ 5-7 ล้านบาท ส่วนบ้านจัดสรรใหม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทหาได้ยาก แต่ห้องชุดใหม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ยังหาซื้อได้ในพื้นที่ปทุมธานี ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอำเภอธัญบุรี โดยมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 90 และในตัวเมืองปทุมธานี

ทั้งนี้ ภาพรวมมีหน่วยบ้านจัดสรรเปิดขายมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในสมุทรปราการ เพิ่มขึ้นจาก 110 โครงการ เป็น 138 โครงการ และจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นจาก 26,300 หน่วย เป็น 30,400 หน่วย และสมุทรสาครมีจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นจาก 51 โครงการ เป็น 66 โครงการ และจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นจาก 10,300 หน่วย เป็น 13,000 หน่วย ขณะที่มีหน่วยห้องชุดเปิดขายมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในสมุทรปราการ โดยมีจำนวนโครงการเพิ่มขึ้นจาก 26 โครงการ เป็น 39 โครงการ และจำนวนหน่วยเพิ่มขึ้นจาก 15,200 หน่วย เป็น 21,300 หน่วย

สำหรับมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลด้วยการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนและจำนองอสังหาริมทรัพย์ เหลือร้อยละ 0.01 เป็นระยะเวลา 6 เดือน ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2558-เมษายน 2559 ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถระบายสตอกบ้านออกไปได้มาก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีกทั้งข่าวการจะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีม่วงอย่างเป็นทางการเดือนสิงหาคมปีนี้ แม้ติดขัดจุดเชื่อมต่อบ้าง แต่ข่าวนี้ช่วยระบายสตอกที่อยู่อาศัยออกไปได้บ้าง ขณะที่พื้นที่อื่น ๆ มีการเปิดโครงการใหม่เพิ่มขึ้นและตลาดเริ่มมีความชัดเจนในเรื่องของราคา ภาพรวมสตอกที่อยู่อาศัยขณะนี้สตอกที่อยู่อาศัยบ้านจัดสรรเหลือประมาณ 70,000 หน่วยเศษ คอนโดมิเนียมเหลือประมาณ 50,000 หน่วยต้น ๆ ทำตลาดอสังหาริมทรัพย์กลับสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น ต่างจังหวัดก็เช่นกันเพราะผู้ประกอบการถอนตัวออกมา

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้แนวโน้มจะมีการเปิดโครงการใหม่มากขึ้นเริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงสิ้นปี สังเกตจากคำชี้แจงผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ระบุว่าจะเริ่มเปิดตัวโครงการใหม่ในช่วงไตรมาส 2-3 ทั้งโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม โดยคาดว่าคอนโดมิเนียมหน่วยเปิดขายใหม่ปีนี้จะมีประมาณ 61,000-62,000 หน่วย บ้านจัดสรรเปิดตัวใหม่ประมาณ 40,000 หน่วย รวมบ้านจัดสรรและคอนโดที่จะเปิดใหม่ในปีนี้ 110,000 หน่วย ส่วนการเปิดตัวโครงการใหม่ช่วงมาตรการ 6 เดือน ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เปิดตัวโครงการใหม่น้อยมาก เพราะเร่งขายโครงการเดิม โดยพบว่าบ้านจัดสรรเปิดใหม่ 114 โครงการ ประมาณ 17,800 หน่วย เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า คือ เดือนพฤศจิกายน 2557-เมษายน 2558 มีบ้านจัดสรรใหม่เปิดตัว 175 โครงการ จำนวน 20,000 หน่วย จำนวนหน่วยปีนี้เทียบช่วงเดียวกันปีที่แล้วลดลงคิดเป็นร้อยละ 1

สำหรับรายละเอียดภาพรวมการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล มีดังนี้ โครงการบ้านจัดสรรที่อยู่ระหว่างการขาย 1,086 โครงการ จำนวน 204,526 หน่วย มีหน่วยเหลือขายประมาณ 78,535 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขายประมาณ 345,500 ล้านบาท เทียบกับปี 2557 มีจำนวน 1,022 โครงการ จำนวน 202,200 หน่วย มีหน่วยหรือขายเท่า ๆ กันที่ 78,500 หน่วย ด้านพื้นที่ซึ่งมีในบ้านจัดสรรมากที่สุด ได้แก่ อำเภอลำลูกกา อำเภอบางพลี อำเภอบางบัวทอง เขตคลองสามวา และอำเภอเมืองสมุทรสาคร ส่วนพื้นที่ที่มีโครงการบ้านจัดสรรเหลือขายมากที่สุด ได้แก่ อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางพลี อำเภอลำลูกกาอำเภอบางใหญ่และอำเภอเมืองสมุทรสาคร เขตหรืออำเภอที่มีหน่วยบ้านเดี่ยวเหลือขายมากที่สุดได้แก่อำเภอลำลูกกา อำเภอบางบัวทอง เขตสายไหม อำเภอบางใหญ่และอำเภอบางกรวย ส่วนเขตหรืออำเภอที่มีหน่วยทาวน์เฮ้าส์เหลือขายมากที่สุดได้แก่ อำเภอบางใหญ่ อำเภอบางบัวทอง อำเภอบางพลี อำเภอเมืองสมุทรสาครและอำเภอลำลูกกา

ส่วนโครงการอาคารชุดอยู่ระหว่างการขายในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 416 โครงการ จำนวน 220,500 หน่วย เหลือขายประมาณ 59,900 หน่วย คิดเป็นมูลค่าหน่วยเหลือขายประมาณ 182,450 ล้านบาท เทียบกับปี 2557 มีประมาณ 400 โครงการ รวม 206,000 หน่วยและมีหน่วยเหลือขายประมาณ 57,300 หน่วย หากแยกตามสถานะของการก่อสร้างพบว่าสร้างเสร็จแล้วประมาณ 82,900 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 37 อยู่ระหว่างการก่อสร้างประมาณ 116,000 หน่วยคิดเป็นร้อยละ 53 และยังไม่ได้เริ่มสร้างประมาณ 21,500 หน่วย คิดเป็นร้อยละ 10 สำหรับเขตหรืออำเภอที่มีหน่วยห้องชุดมากที่สุด ได้แก่ อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอเมืองสมุทรปราการ เขตบางซื่อ เขตบางนาและอำเภอธัญบุรี ส่วนเขตหรืออำเภอที่มีหน่วยห้องชุดเหลือขายมากที่สุดได้แก่อำเภอเมืองนนทบุรี อำเภอเมืองสมุทรปราการ อำเภอธัญบุรี เขตบางซื่อ และเขตจตุจักร