AH - ขาย

AH - ขาย

กำไรสุทธิไตรมาส 1/59 เกินคาด

กำไรสุทธิไตรมาส 1/59 สูงกว่าคาด 46%

AH รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/59 เท่ากับ 146 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% YoY และ 86% QoQ โดยผลกำไรดังกล่าวสูงกว่าประมาณการของเราและ Bloomberg ถึง 46% เนื่องจากยอดขายที่สูงกว่าคาด โดยกิจการมีรายได้จากการขาย เท่ากับ 3.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% YoY และ ลดลง 1% QoQ (จากที่เราประมาณการบอดขายไว้เท่ากับ 3.7 พันล้านบาท) โดยผลกำไรในไตรมาส 1/59 คิดเป็น 46% ของประมาณการเดิมของกำไรปี 2559

ประเด็นการลงทุน

ยอดขายเพิ่มขึ้น 4% YoY และ 6% QoQ ที่ 3.9 พันล้านบาท ซึ่งสูง กว่าที่เราคาด 5% YoY เนื่องจากยอดสั่งซื้อเพื่อการส่งออกและยอดขายรถยนต์ใหม่ที่สูงขึ้น ทั้งนี้ภาพรวมทั้งอุตสาหกรรม ยอดผลิตรถยนต์ไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 5.07 แสนคัน เพื่มขึ้น 5.3% QoQ แต่ลดลง 3.2% YoY อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.0% ในไตรมาส 1/59 จาก 4.9% ในไตรมาสก่อนหน้า และจาก 5.2% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าจากการเพิ่มขึ้นมาจากการประหยัดขนาดตามยอดขายที่เพิ่ม และการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ

แนวโน้ม

เรามีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มในไตรมาส 2/59 เนื่องจากลูกค้าหลัก อย่าง อีซูซุมอเตอร์และออโต้อัลลายแอนซ์(Ford & Mazda) มีแผนที่กระจายสัดส่วนธุรกิจไปเน้นการส่งออกรถปิ๊คอัพมากขึ้น (อย่างเช่น อีซูซุดีแมกซ์ และอีซูซุมิวส์เอ็กซ์) เราคาดกำไรไตรมาส 2/59 น่าจะเพิ่มขึ้น YoY จากการผลิตชิ้นส่วนโมเดลใหม่เต็มกำลัง และการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราคาดหวังผลประกอบการที่ดีขึ้นสำหรับไตรมาส 2/59 ต่อเนื่องจากไตรมาส 1/59 โดยเราปรับเพิ่มประมาณการสำหรับผลกำไรของปี 2559 ขึ้น 25% เพื่อสะท้อนแนวโน้มยอดขายที่เพิ่มขึ้น และเราคาดว่าอัตราส่วนกำไรขั้นต้นจะสูงขึ้นไปอยู่ที่ 5.5% จากเดิมที่ 4.8% โดยเป็นผลมาจากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับอัตรากำไรสุทธิที่ปรับเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกันมาอยู่ที่ 2.6% จากเดิมที่ 2.1% จากกระบวนการผลิตที่มีประสิทธิภาพ โดยเราปรับเพิ่มราคาเหมาะสมของ AH มาอยู่ที่ 11.2 บาท/หุ้น อ้างอิงจาก PE ณ สิ้นปี 2559 ที่ 9 เท่า (+0.5 SD)

คำแนะนำ

เรายังคงแนะนำ “ขาย” เนื่องจาก 1) ความเสี่ยงที่จะมีการปรับลดประมาณการยอดขายปี 2559 2) ความเป็นไปได้ที่อัตราก าไรขั้นต้นจะลดลง เนื่องจากปริมาณการผลิตรถยนต์ที่ต่ำกว่าที่เราคาดในครึ่งหลังของปี 2559 3) ยอดขายรยนต์ที่ชะลอตัวในจีนและมาเลเซีย น่าจะกดดันส่วนแบ่งกำไรจากทั้งสองประเทศให้ลดลง (คิดเป็นประมาณ 30% ของ รายได้) และ 3) ความเป็นไปได้ที่จะเลื่อนการเปิดตัวรถยนต์โมเดลใหม่ ในปี 2559 (หรือย้ายฐานการผลิตในบางโมเดล)