สปท.ชงกฎหมาย 'รอการลงโทษ' เพื่อปรองดอง

สปท.ชงกฎหมาย 'รอการลงโทษ' เพื่อปรองดอง

"เสรี สุวรรณภานนท์" เผยสปท.ชงกฎหมาย "รอการลงโทษ" สร้างความปรองดอง วางเงื่อนไขต้องยอมรับผิดเสียก่อน

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสร้างความปรองดองของสปท.ว่า มีความคืบหน้าไปมากแล้ว ทั้งเรื่องการเยียวยา และเรื่องคดีความ เบื้องต้นสปท.การเมืองวางแนวทางแก้ปัญหาไว้ 2 ระดับคือ 1.การแก้ปัญหาโดยใช้นโยบายรัฐ เช่น คดีความผิดเล็กน้อยหรือมีเจตนาไม่ร้ายแรง อาจมีนโยบายของรัฐไม่ดำเนินคดีต่อเช่น การใช้มาตรา 44  การถอนฟ้อง 2.การแก้ปัญหาโดยตัวกฎหมาย จะใช้วิธีการออกพ.ร.บ.หรือพ.ร.ก.รอการกำหนดโทษ เพื่อความปรองดอง เพื่อให้คดีสิ้นสุดลงทันที โดยไม่ต้องมีการตัดสินคดีหรือฟังคำพิพากษา จะใช้กับคดีที่มีความรุนแรงมากขึ้นเช่น กรณีแกนนำบุกยึดสถานที่ราชการ การปิดสนามบินหรือสี่แยกต่าง ๆ ที่เป็นอุดมการณ์ต่อสู้ทางการเมือง แต่ทำเลยเถิด เกินเลยทำให้เกิดความวุ่นวายในสังคมตามมา  แต่จะไม่รวมถึงคดีทุจริต มาตรา 112 และการวางเพลิงเผาทรัพย์  

นายเสรีกล่าวว่า เงื่อนไขการเข้าสู่กฎหมายรอการกำหนดโทษนั้น ผู้ถูกดำเนินคดีต้องยอมรับสารภาพว่าตัวเองกระทำผิดในชั้นศาลก่อน หลังจากได้รับการรอการกำหนดโทษแล้ว จะมีมาตรการอื่น ๆ มาควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้กลับไปกระทำผิดอีกอาทิ การห้ามชุมนุมการเมือง การห้ามปลุกปั่นก่อความวุ่นวาย รวมถึงอาจตัดสิทธิการเมืองตลอดไป ข้อห้ามเหล่านี้จะกำหนดไปตลอดชีวิต  ไม่มีอายุความ หมายความว่า จะถูกคาดโทษติดตัวไปตลอดชีวิต หากใครฝ่าฝืนข้อห้ามรอการกำหนดโทษจะถูกเรียกตัวมาฟังคำพิพากษาในคดีเดิม เพื่อลงโทษทันที มาตรการรอการกำหนดโทษจึงแตกต่างจากการนิรโทษกรรม เพราะการนิรโทษกรรมไม่มีข้อห้ามต่าง ๆ มาควบคุมหลังจากได้รับการนิรโทษกรรมแล้ว แต่วิธีรอการกำหนดโทษจะมีเงื่อนไขและข้อห้ามต่าง ๆ มาควบคุม มิให้กลับไปกระทำผิดอีก  

นายเสรีกล่าวว่า   มาตรการดังกล่าวเป็นหลักการที่สปท.การเมืองวางไว้ มีผู้เห็นด้วยจำนวนมาก ขณะนี้เตรียมขอเข้าพบนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในสัปดาห์หน้า เพื่อชี้แจงรายละเอียดต่าง ๆ ให้ฟังเพิ่มเติม  สปท.การเมืองจะผลักดันกฎหมายรอการกำหนดโทษให้เสร็จภายใน 3 เดือน ก่อนสปท.จะหมดวาระ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ก่อนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น