'ไบโพลาร์'ติด1ใน3โรคทางจิตเวชของไทย

'ไบโพลาร์'ติด1ใน3โรคทางจิตเวชของไทย

"ไบโพลาร์" อันดับ3โรคทางจิตเวชของไทย กลุ่มอายุ 20-30 ปีพบมากสุด 1 ใน 5 ของผู้ป่วยมักมีพฤติกรรมการฆ่าตัวตาย

ที่โรงพยาบาลศรีธัญญา นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า วันที่ 30 มี.ค. ของทุกปีถือเป็นวันไบโพลาร์โลก (World Bipolar Day) ซึ่งโรคไบโพลาร์หรืออารมณ์2ขั้ว มีอาการมั่นใจเกินไป ฮึกเหิมเกินไป หรือบางครั้งก็เศร้าซึมสุดๆ อารมณ์ขึ้นลงเกินปกติ สามารถพบได้1-2%ของกลุ่มโรคทางจิตเวช การรักษาพื้นฐาน คือ การรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ผู้ป่วยสามารถหายได้100%และดำเนินชีวิตในสังคมได้ดี แต่หากไม่ได้รับประทานยาจะมีอาการกำเริบซ้ำได้80-90% ทั้งนี้ จะมีตัวกระตุ้นหลายอย่าง อาทิ ขาดยา ความเครียด การดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง กาแฟ นอนไม่หลับ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น คนใกล้ชิดจะต้องช่วยกันดูแลและป้องกันความเสี่ยง

นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีธัญญา กล่าวว่า สถิติคนไข้ในของโรงพยาบาลศรีธัญญาลดลง โดยไบโพลาร์จัดอยู่ในอันดับ2ของกลุ่มจิตเวชที่เข้ามารับการรักษา รองจากโรคจิตเภท ส่วนอัตราผู้ป่วยนอกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยปี 2558 มีผู้ป่วยโรคจิตเวชอยู่ที่ 117,000ราย ส่วนใหญ่มาจากกทม. และจ.นนทบุรี ซึ่งโรคไบโพลาร์เป็นอันดับที่3มีจำนวน9,100ราย รองจากโรคจิตเภท และโรคซึมเศร้าตามลำดับ

ด้านนพ.สันติชัย ฉ่ำจิตรชื่น รองผอ.โรงพยาบาลศรีธัญญา กล่าวว่า โรคไบโพลาร์เกิดจากภาวะสารสื่อประสาทผิดปกติ เมื่ออาการกำเริบจะทำให้ผู้ป่วยมีอารมณ์2ขั้วคือ 1.ซึมเศร้า เบื่อหน่าย ท้อแท้ ไม่อยากทำอะไรและ2.ครึกครื้น พูดมาก ใช้จ่ายเงินเปลือง ไม่นอน บางครั้งทำลายข้าวของ ทำร้ายตัวเอง สามารถรักษาได้ด้วยยาเป็นหลัก แต่หากอาการรุนแรงอาจจะต้องรักษาด้วยไฟฟ้า ส่วนมากเป็นในกลุ่มอายุ 20-30ปี มีประมาณ8-9ใน10คนมีโอกาสกลับมาป่วยซ้ำได้อีก

ทั้งนี้ โรคนี้มีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายสูงกว่ากลุ่มอื่น พบว่า1ใน5ของผู้ป่วยมักมีพฤติกรรมการฆ่าตัวตาย โดยจำนวนหนึ่งสำเร็จ และพบว่าในคนที่ต้องการฆ่าตัวตายจะมีการเตรียมตัวล่วงหน้า ทำการสั่งเสีย หากพบผู้ป่วยที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล เพราะการแก้ปัญหาผู้ป่วยจะฆ่าตัวตายต้องทำโดยผู้ประกอบวิชาชีพดีที่สุด ที่สำคัญ อยากให้หยุดการแชร์ภาพผู้ป่วยในโซเชียลมีเดียเพราะจะเป็นการซ้ำเติมและทำให้ผู้ป่วยเครียดมากเมื่ออาการหายดีแล้ว 

นพ.จุมพล ตัณฑโอภาส ประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบบริการและดูแลผู้ป่วยอารมณ์2ขั้ว กล่าวว่า ในการดูแลผู้ป่วยโรคไบโพลาร์คนใกล้ชิดมีความสำคัญที่สุด ในการดูแล 3ประเด็นหลัก คือ1.ช่วยส่งเสริมให้ผู้ป่วยได้ใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติให้นานที่สุด เช่น ดูแลเรื่องการกินยา เป็นที่ปรึกษา 2.ให้หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และ3.สังเกตอาการเริ่มต้น เช่น ช่วงการพักผ่อน การทำกิจกรรมเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่มีสาเหตุ อารมณ์ขึ้น ลงอย่างแตกต่าง เป็น หากมีสัญญาณเหล่านี้ให้รีบติดตามเรื่องการรับประทานยา และพามาพบแพทย์ ส่วนปัจจัยในการดูแลใช้ความรักเป็นส่วนสำคัญ