ศธ.แจงไม่มีนโยบายกีดกันรับเด็ก

ศธ.แจงไม่มีนโยบายกีดกันรับเด็ก

ศธ.แจงกรณีให้รพ.ตรวจเลือดเด็ก เป็นความต้องการของผู้ปกครองที่ขอความร่วมมือมา ย้ำเด็กทุกคนมีสิทธิเข้าเรียน ยกเว้นเป็นโรคร้ายแรงตามประกาศ สธ.

รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับ นายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กรณีกระแสข่าวโรงเรียนแห่งหนึ่งให้เด็กหญิงอายุ 4 ขวบนำผลตรวจเลือกมายืนยันว่าไม่ติดเชื้อเอชไอวี เพื่อประกอบการสมัครเข้าเรียนในระดับอนุบาล ว่า ข้อเท็จจริงที่ได้รับรายงานในเรื่องนี้คือตัวคุณแม่ของเด็กเป็นวิทยากรในเครือข่ายโรคเอดส์ ซึ่งเปิดเผยตัวว่าเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีคนหนึ่งด้วย อีกทั้งเป็นวิทยากรแกนนำในชุมชนเป็นที่รู้จักคุ้นเคยกันอย่างดี พอมาถึงช่วงเวลาที่จะนำลูกเข้าเรียน ก็เกิดแรงกดดันจากในชุมชนไปยังคุณแม่ว่าเด็กได้รับเชื้อด้วยหรือไม่ ดังนั้น คุณแม่จึงได้ประสานกับโรงเรียนขอให้ประสานไปยังโรงพยาบาลเพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจเลือด เพื่อให้คนในชุมชนมั่นใจว่าเด็กอยู่ในสังคมได้อย่างปลอดภัยและไม่มีปัญหากับบุคคลอื่น

“เรื่องนี้คุณแม่ของเด็กเป็นผู้เขียนจดหมายเข้ามาเพื่อขอให้โรงเรียนดำเนินการประสานกับโรงพยาบาลให้และมีน้าสาวเป็นพยานยืนยัน ซึ่งโรงเรียนไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไรในจดหมายนำส่ง จึงอ้างว่าใช้เพื่อประกอบการพิจารณาการเข้าศึกษาต่อและจัดการเรียนการสอน แต่ไม่ได้มีการระบุว่าจะเอาผลตรวจหรืออะไรและในความจริงก็ไม่ได้ต้องการนำไปใช้ ทั้งนี้ โรงเรียนไม่ได้ห้ามหรือไม่รับเด็กเข้าเรียน แต่เป็นความต้องการของแม่เด็กที่ต้องการให้คนในชุมชนที่อยู่ร่วมกันสบายใจซึ่งเวลานี้ทุกคนยอมรับว่าเด็กเรียนร่วมกับทุกคนได้”ปลัด ศธ.กล่าว

รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จะทำหนังสือแจ้งไปยังสถานศึกษาทุกแห่ง เน้นย้ำว่าการรับนักเรียนไม่มีการแบ่งแยก ไม่ว่าจะเป็นสีผิว ชนชั้น ชนเผ่า หรือผู้พิการก็สามารถเข้าเรียนได้ ยกเว้นกรณีเจ็บป่วยด้วยโรคติดต่อร้ายแรงตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) โดยเฉพาะในระยะที่อาจจะติดต่อไปยังผู้อื่นได้ก็จะต้องรอจนกว่าจะหายเป็นปกติจึงจะเข้าเรียนได้ อาทิ ป่วยวัณโรค เพราะฉะนั้น ยืนยันว่าโรงเรียนของ สพฐ.ทุกแห่งไม่มีนโยบายกีดกันการรับนักเรียนไม่ว่าจะสาเหตุใดๆ เรื่องที่เกิดขึ้นคาดว่าจะเป็นการสื่อสารผิดพลาด แต่เมื่อตรวจสอบแล้วไม่มีปัญหา

“ช่วงเช้าที่ผ่านมาผมได้หารือร่วมกับ ปลัด สธ.ถึงเรื่องดังกล่าวเบื้องต้นเห็นตรงกันว่าการตรวจเลือดจะต้องได้รับการยินยอมเท่านั้น ไม่มีใครบังคับการตรวจเลือดใครได้ และยืนยันกับทาง สธ.ด้วยว่ากระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ไม่มีนโยบายกีดกันผู้เชื้อใดๆ อยากจะขอให้ยุติการกระจายข่าวนี้ เพราะว่าเวลานี้เด็กไม่มีปมด้อย แต่หากไประบุมากๆเด็กจะกลายเป็นปมด้อยในที่สุดเพราะมีผู้ปกครองที่มีปัญหา เราควรให้เด็กได้อยู่ในสังคมอย่างปกติสุข เป็นสมาชิกของสังคมเหมือนทุกๆคน”รศ.นพ.กำจร กล่าว

ด้าน การุณ กล่าวว่า วันนี้จะทำหนังสือแจ้งไปยังผู้อำนวยการโรงเรียนทั่วประเทศ เน้นย้ำว่าการรับนักเรียนจะต้องรับเด็กทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็กยากจน พิการ เป็นต้น ไม่มีการกีดกัน ยกเว้นกรณีป่วยด้วยโรคติดต่อร้ายแรงตามประกาศ สธ. กรณีเด็กหญิงคนดังกล่าว เป็นความผิดพลาดในการสื่อสารเท่านั้น ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนยินดีที่จะรับเด็กเข้าเรียนในระดับอนุบาล ขณะเดียวกัน ในช่วงเช้าที่ผ่านสาธารณสุขจังหวัด ได้ลงไปให้ความรู้แก่ครูเกี่ยวกับโรคเอชไอวี ด้วย ซึ่งขณะนี้ทุกคนมีความเข้าใจตรงกันแล้ว