มรดกธรรมกรรมฐาน

มรดกธรรมกรรมฐาน

แม้ท่านจะมรณภาพแล้ว แต่มรดกทางธรรมยังคงอยู่ โดยเฉพาะการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่เข้มข้น




ถ้านึกถึงพระที่สอนวิปัสสนากรรมฐาน แม้จะมีหลายวัดหลายสำนักในเมืองไทย แต่วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี เป็นหนึ่งในทางเลือกที่ญาติโยมจำนวนมากเลือกมาปฏิบัติธรรมตามแนวทาง พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ซึ่งมรณภาพเมื่อวันที่ 25 มกราคม 2559 เวลา 8.37 น.ที่โรงพยาบาลศิริราช

หลายสิบปีที่ผ่านมา คนจำนวนมากหลั่งไหลมาฝึกวิปัสสนากรรมฐานในวัดแห่งนี้ ทั้งๆ ที่เล่าลือนักว่า สถานที่พักไม่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ดุ เจ้าระเบียบมาก
คนที่เคยไปที่วัดแห่งนี้ จะรู้ดีว่า การฝึกตามหลักสติปัฏฐาน 4 แบบพองหนอ-ยุบหนอ ที่หลวงพ่อจรัญสอน ท่านไม่ได้เน้นการฝึก เพื่อนิพพาน แต่อยากให้ญาติโยมนำไปใช้แก้ปัญหาชีวิต เน้นหนักเรื่องกฎแห่งกรรม โดยยกเหตุที่ท่านประสบเรื่องกฎแห่งกรรมมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจ นอกจากนี้ท่านยังเป็นผู้ส่งเสริมให้ชาวพุทธหมั่นสวดมนต์ด้วยพุทธชัยมงคลคาถา (พาหุงมหากา) เพื่อเป็นเครื่องเจริญสติ

ว่ากันว่า หลวงพ่อจรัญ เป็นทั้งพระนักพัฒนา พระนักเทศน์ และพระวิปัสสนาจารย์ที่มีจริยวัตรงดงาม เป็นแบบอย่างของผู้สืบทอดพุทธศาสนาและเป็นพระดีที่หาได้ยากในยุคสมัยนี้

"คำสอนและวิธีปฎิบัติของหลวงพ่อจรัญ เข้าถึงง่าย ท่านสอนว่า เมื่อมีเสียงมากระทบ ก็เสียงหนอ เมื่อรู้สึกโกรธ ก็โกรธหนอ นี่คือการฝึกสติตามรู้ และหลายคนมาวัดนี้ ก็จะได้ยินเสมอว่า เจ้าหน้าที่ดุ ระเบียบมาก อุปสรรคนี่แหละคือการฝึก" พระนรินทร์ โชติปาโล พระวิทยากรดูแลผู้ปฏิบัติธรรม วัดอัมพวา เล่าให้ฟังในช่วงการสวดพระอภิธรรม 100 วัน (วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2559)

กรรมฐานคือ ชีวิต
หากจะถามว่า ทำไมการฝึกวิปัสสนากรรมฐานตามแนวหลวงพ่อจรัญ จึงมีชาวพุทธเข้าฝึกมากมาย จนเป็นที่เลื่องลือ ทั้งๆ ที่ปฏิบัติเข้ม เหนื่อย แต่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพราะวิธีการสอนที่แยบยล

"ปฎิบัติเลย ก็ได้เลย เป็นวิชาที่เป็นความจริง เป็นไปตามธรรมชาติ ผู้ฝึกต้องเอาสติไปจับที่ลมหายใจ ตามรู้ก็จะเข้าใจการเปลี่ยนแปลง เมื่อนั่งแล้วปวดเมื่อยจากการปฏิบัติ ก็เอาสติเข้าจับ พิจารณาความปวดมากน้อย ทำไปเรื่อยๆ ก็จะทนได้ ถ้าปฏิบัติแล้ว จิตกับสติทับกัน เมื่อมีสติ ปัญญาก็จะตามมา รู้เห็นตามความเป็นจริง" วิไล ดวงหาคลัง อาจารย์ด้านชีววิทยาที่เกษียณแล้ว เล่าให้ฟังขณะซักผ้า

ศิษย์คนนี้ฝึกตามแนวสติปัฏฐาน 4 มานานกว่า 22 ปี เธอย้อนความว่า ตอนหลวงพ่อหนุ่มๆ ท่านสอนกรรมฐานเอง ท่านเป็นพระที่มีจริยวัตรงดงามมาก เพียบพร้อมงามเหลือเกิน ทั้งวัตรปฏิบัติ การเคลื่อนไหวงดงามมาก ท่านฝึกตั้งแต่บวช เรื่องที่ท่านสอนเรา เอาไปใช้กับชีวิตได้จริง

"ก่อนที่จะมาเป็นลูกศิษย์ท่าน เคยฟังหลวงพ่อเทศน์ในทีวี ท่านเล่าว่า "มีโยมวัย 80 ปีมาหาอาตมาบอกว่า ชีวิตลำบากมาก ตั้งแต่เด็กจนแก่ แล้วจะทำอย่างไร อาตมาก็บอกว่า ให้ใช้ไม้ขีดก้านเดียวจุด ก็ตายแล้ว" เราได้ยินก็รู้สึกว่า ใช่เลย อาจารย์เราต้องอย่างนี้ ชีวิตคนเราเกิดมาไม่มีใครสบายหรอก ต้องอดทน นี่คือ สัจธรรมของชีวิต เกิดเป็นคน ลำบากก็ถูกต้องแล้ว"

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เธอยอมรับว่า เป็นคนดื้อรั้น สอนยาก เมื่อเจอหลวงพ่อจรัญสอนปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เธอรู้สึกว่า ใช่เลย นี่แหละแนวทางพุทธที่ไม่ต้องไปสำนักไหนแล้ว

"เวลาท่านเทศน์ ท่านจะสังเกตว่า ลูกศิษย์คนไหนที่เคยมีเรื่องทุกข์มาเล่าให้ฟัง ก็จะเทศน์เรื่องนั้น เพื่อให้นำไปแก้ปัญหาชีวิต หรือเวลาลูกศิษย์ทำบุญ หากท่านรู้ว่า คนไหนมีบาปมาก ท่านก็จะเลือกทำบุญให้" วิไล เล่า

เพื่อให้เห็นว่า ท่านไม่ได้เป็นแค่พระวิปัสสนาจารย์ แต่ยังเป็นทั้งพระนักเทศน์ ทำให้ญาติโยมเลื่อมใสศรัทธา อยากศึกษาปฏิบัติธรรม เพื่อใช้ในชีวิต
เหมือนที่หลวงพ่อจรัญสอนว่า

"ปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานตามหลักที่พระพุทธเจ้าสอนนี้ ต้องทิ้งตำรับตำราวิชาการ โดยปฏิบัติตามหลักเหตุผลนี้ โดยทิ้งทิฐิ ทิ้งตำรับตำราหมด กำหนดเรื่อยๆ เป็นการสะสมหน่วยกิตให้เกิดปัญญา"

"การกำหนดท้องพองยุบ ก็คืออานาปานสติที่พระพุทธเจ้าได้ทรงดำเนินมาแล้วเช่นเดียวกัน สมาธิ-แน่วแน่นี่ต่างกัน ทางที่เจริญปัญญาตามสติปัฏฐาน 4 สมาธิไม่คงเส้นคงวาคงศอกแน่วแน่แต่ประการใด จะมีกิเลสต่างๆ อารมณ์มาแทรกแซงอยู่เสมอ นี่เราใช้สติกำหนดได้อย่างนี้ มันจะมีความสงบได้แค่ไหนไม่สำคัญ สำคัญที่เราจะกำหนดได้ในปัจจุบันหรือไม่เท่านั้น แล้วปัญญาจะเกิดเองตามลำดับ"
นี่คือ มรดกธรรมที่มีคำอธิบายชัดเจน และทำให้ญาติโยมเข้าใจได้ง่ายๆ

ธรรมชาติและความจริง
ภาษาธรรมที่ทุกคนเข้าถึงง่าย ไม่แบ่งชนชั้น วรรณะ ไม่เน้นนิพพาน แต่เน้นปัจจุบันขณะ นำไปใช้กับชีวิตด้วยการฝึกสติปัฏฐาน 4 คือ แนวทางหลัก ที่หลวงพ่อจรัญสอน เหมือนที่ท่านเคยให้ธรรมะไว้ว่า

"ขอให้ฝึกใจต่อไป ถ้ามันปวดเป็นตายร้ายดีอย่างไรกำหนดซะ พอกำหนดแล้ววิปัสสนามาเลย แตกพรึบ มันก็ซ่าไปเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั่นแหละตัววิปัสสนา เห็นชัดขึ้นมาแล้ว ขั้นแรกนี่ต้องสมถะก่อน เพราะฉะนั้นเขาถึงเรียกว่า สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐานทางสายเอกสายเดียวเท่านั้นที่จะพ้นทุกข์ และพบกฎแห่งกรรม"

พระนรินทร์ บอกว่า หลวงพ่อให้ยึดแนวทางสติปัฏฐาน 4 โดยเปิดทางให้ทุกคนในโลกเข้ามาปฏิบัติได้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะคนไทยหรือชาวพุทธ เพราะเป็นแนวทางธรรมชาติ

"เพราะแนวทางของหลวงพ่อ ไม่ผิดหลักศาสนาของชาวต่างชาติ ปฎิบัติโดยการกำหนดลมหายใจ ทั้งเดิน ยืน นอน และนั่ง มาแล้วไม่สวดมนต์ก็ได้ เพราะการฝึกสติเป็นหลักธรรมชาติ ไม่ว่าศาสนาไหนก็ปฏิบัติได้หมด และแนวทางพระพุทธเจ้ามีหลายแนว "

สำหรับคนที่ไม่เคยปฏิบัติธรรม อาจสงสัยว่า เดินจงกรม เดินไปเดินมาไม่รู้กี่ร้อยรอบ จะมีประโยชน์กับชีวิตอย่างไร

พระนรินทร์ เล่าในฐานะพระบวชเรียนและปฎิบัติมานานกว่า 11 ปีว่า
"เวลาคุณเคยลับมีด ดึงไป ดึงมา แล้วมีดคมได้อย่างไร ไม่ต่างจากวิปัสนากรรมฐาน เราฝึกสติให้อยู่กับตัวเรา เพื่อให้เกิดปัญญา เพราะอารมณ์ของผู้ปฏิบัติเริ่มแรก โทสะมาแรงและเร็ว ปกติคนเราไม่เคยสังเกตแรงกดดันในตัวเอง คนเราต้องทนต่อสิ่งที่ชอบและสิ่งที่ชังได้ก่อน เมื่ออดได้ ทนได้ ก็จะเข้าสู่หลักการ เมื่อฝึกบ่อยๆ ก็จะปรับกระบวนการ ถ้าจะไม่โกรธคนอื่นจะทำยังไง เราฝึกให้คนเป็นนักต่อสู้ที่เยือกเย็น คนที่ฝึกแบบนี้จะไม่มีเรื่องกับใคร ถ้าคนที่จะมามีเรื่องกับเรา ถ้าเราอ่อนน้อมถ่อมตน กิริยาอ่อนโยนอ่อนหวานดังทองคำ ไม่มีใครทำอะไรเราได้ "

ความเข้าใจธรรมะที่แจ่มชัด และการปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐานที่เข้มข้น นี่คือ สิ่งที่หลวงพ่อจรัญพยายามเคี่ยวเข็ญลูกศิษย์ตลอดหลายสิบปีที่ท่านมีชีวิตอยู่
"ทาน ศีล ภาวนา ทำให้ครบ จบแล้วชาตินี้" วันเพ็ญ สินครบุรี คุณครูโรงเรียนนานาชาติ เล่า และบอกอีกว่า ถ้าอยากรวยต้องทำทาน ถ้าอยากสวยต้องถือศีล ถ้าอยากสมองดี มีปัญญา ต้องวิปัสสนากรรมฐาน

ศิษย์คนนี้ ย้ำว่า ทุกอย่างที่หลวงพ่อพูด เป็นเรื่องธรรมชาติ เป็นความจริง คนเราต้องอยู่เพื่อทำประโยชน์ เป็นผู้ให้ และเธอเองก็เป็นผู้ให้ หลายครั้งช่วยสอนภาษาอังกฤษให้คนไม่รู้จัก และเมื่อไม่นานเพิ่งไปสอนหนังสือในอำเภออุ้มผาง จ. ตาก เป็นเวลาสองเดือน
"เพราะเราตามรอยหลวงพ่อ เราก็เอาปัญญามาทำบุญ ที่่ท่านสอนเป็นสายละ ทำประโยชน์ ไม่โลภ ไม่โกรธ"

ไม่มีพิธีรีตอง
หากใครได้มีโอกาสกราบหลวงพ่อจรัญ ก็จะรู้ว่า ท่านเป็นพระที่ไม่มีพิธีรีตอง ให้ความสำคัญกับวิปัสสนากรรมฐานมากกว่าอื่นใด เพราะแนวทางนี้จะทำให้พบสัจธรรมของชีวิต

พระประทีป เขมธมฺโม พระอาจารย์ ผู้สอนกรรมฐานชาวต่างชาติ วัดอัมพวัน บอกว่า เราสอนวิปัสสนาคนไทยยังไง ก็สอนฝรั่งอย่างนั้น
"เมื่อสอนฝรั่งให้รู้วิธีปฎิบัติแล้ว จากนั้นก็ฝึกรวมกับคนไทยได้เลย ถ้าเขาต้องการนำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาชีวิต ก็ให้ปฎิบัติแบบคนไทยเลย น้อยรายจะทนไม่ไหว หรือกลับก่อน ส่วนใหญ่ตั้งใจปฎิบัติ เพิ่งสอนคนอังกฤษ เขาเองก็ได้เห็นพัฒนาการในตัวเอง แนวสติปัฏฐาน 4 เวลาที่เราอารมณ์ดี ไม่มีอะไร เราก็ยังต้องภาวนา เพื่อให้เกิดสมาธิ เราฝึกเพื่อให้เราจับอารมณ์ที่มากระทบให้ได้"

อย่างไรก็ตาม พระประทีป บอกว่า คนต่างชาติ ส่วนใหญ่ที่มาปฏิบัติมีหลายแบบ ไม่มีศาสนา หรือเป็นคริสเตียน เป็นมุสลิม ก็มาปฎิบัติ

"อาตมาบอกเสมอว่า พระพุทธเจ้าของเราไม่ใช่พระเจ้า เรานับถือเพราะเป็นครูผู้ยิ่งใหญ่ และวิธีการบูชาครูของเราก็คือ การกราบ คนไทยกราบแม้กระทั่งพ่อแม่ ซึ่งคำสอนแนวพุทธ ก็ไม่มีอะไรที่ข้ดแย้งกับศาสนาเขา เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีคนอิหร่าน คนมุสลิมมาปฎิบัติ มีชาวต่างชาติมาปฏิบัติเดือนละประมาณ 10 คน ในวัดอาจจะดูยุ่งเหยิง ทำให้การฝึกฝนค่อนข้างยาก เราเริ่มจากความยาก ต่อไปก็จะง่าย "

ในฐานะพระลูกวัด ท่านเห็นว่า หลวงพ่อจรัญเป็นพระที่ไม่มีพิธีรีตอง ท่านสอนแบบดุ มีระเบียบ ไม่ให้คำตอบเราทันที ให้เราเรียนรู้เอง แม้จะไม่เคยพูดคุยกับท่าน แต่ท่านเมตตาสูง

"อาตมาเคยฟังท่านเทศน์แล้วไม่เชื่อ แต่เวลาผ่านไปหลายปี เราก็เข้าใจ อย่างเรื่องอโหสิกรรม เราคิดว่าเราทำได้แล้ว ไม่โกรธ แต่กลับมีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่ เพราะเราแค่ท่องว่า เราอโหสิกรรมให้คนนั้นคนนี้ แต่เราไปไม่ถึงจุดนั้น ซึ่งท่านเคยอธิบายไว้ว่า ถ้าทำได้จริงจะเย็นใจ เมื่อทำตามแบบท่านก็เห็นผล ท่านเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องความเมตตา"

แม้ช่วงอาพาธ หากญาติโยมเข้ามาขอพบ ท่านก็ไม่ปฏิเสธ พระประทีป บอกว่า บางทีมากราบท่านตอนสี่ห้าทุ่ม ท่านก็ไม่เคยไล่โยมสักคน

"ท่านไม่ได้อยู่เพื่อตัวเอง แม้จะป่วยก็ลงปาฏิโมกข์ทุกครั้ง เวลาแจกประกาศนียบัตร ก็ให้ทีละคน เพื่อให้ทุกคนมีโอกาส แม้กระทั่งการถ่ายรูป ท่านก็เมตตาให้โอกาส แม้โยมผู้หญิงบางคนจะแต่งกายไม่สุภาพ ลูกศิษย์จะพยายามป้องกันไม่ให้ถ่ายด้วย แต่ท่านบอกว่า "ใครจะว่าอะไร อาตมาไม่สน แค่ถ่ายรูป อาตมาก็อายุมากแล้ว" เพราะท่านเมตตาจริงๆ"

"""""""""""""""""""""""""""
หลวงพ่อจรัญ เกิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2471 เวลา 07.10 น. ที่จังหวัดสิงห์บุรี
ท่านเคยเรียนวิชาช่างกล วิชาดนตรี และเข้าเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เรียนได้แค่หนึ่งเดือนก็ลาออก เพราะไม่ถูกอัธยาศัย

นอกจากนี้ยังศึกษาวิชามายาศาสตร์และมายาสาไถย แต่ก็เลิกลา กระทั่งอายุ 20 ปีก็บวชเรียน และได้ศึกษากรรมฐานกับครูบาอาจารย์หลายคน อาทิ พระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม) จ.นครสวรรค์ ,หลวงพ่อลี และท่านเจ้าคุณอริยคุณาธร จ.ขอนแก่น ,เจ้าคุณอาจารย์พระราชสิทธิมุนี วัดมหาธาตุ และศึกษาพระอภิธรรมกับอาจารย์เตชิน ชาวพม่า ศึกษาการพยากรณ์จากสมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศฯ รวมถึงจำศีลภาวนาตามป่าเขาลำเนาไพรภาคเหนือหลายแห่ง
...........................

หมายเหตุ : งานสวดอภิธรรม 100 วัน หลวงพ่อจรัญ ,ฐิตธมฺโม เปิดให้ชาวพุทธเข้ากราบสรีระสังขารได้ตั้งแต่เวลา 08.30 -21.00 น.ณ ศาลาสุธรรมภาวนา วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ส่วนการปฏิบัติธรรม ยังเปิดให้เข้าปฏิบัติได้เหมือนเดิม

""""""""""""""""""""""""""""
ภาพประกอบเป็นภาพวาด : พระธีระพันธุ์ ธีรโพธิ (พระอาจารย์กวง ลอไพบูลย์)​