ปรากฏการณ์ M

ปรากฏการณ์ M

เช็คชื่อแฟนเพลง "มาดอนนา" พร้อมแค่ไหน อย่าให้แม่ต้องผิดหวัง!

นาทีนี้เหล่าสาวกของศิลปินตัวแม่อย่าง มาดอนนา คงจะเริ่มอยู่ไม่สุขกันแล้ว เพราะเหลืออีกแค่วันเดียวก็จะถึงเหตุการณ์สำคัญของสาวกทั้งหลายที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ต Madonna Rebel Heart Tour Bangkok presented by Singha Drinking Water ระหว่าง 9 - 10 กุมภาพันธ์นี้

แม้จะไม่ใช่ช่วง ‘พีค’ ที่สุด แต่เมื่อนี่คือการมาเยือนเมืองไทยเป็นครั้งแรก จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า สองวันที่จะถึงนี้ บริเวณอิมแพค เมืองทองธานี จะต้องคลาคล่ำไปด้วยบรรดา ลูกแม่ ที่พร้อมจัดเต็มอย่างแน่นอน

 

#แม่ก็คือแม่

ถึงจะไม่ใช่แฮชแท็กที่เกิดมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ แต่ต้องยอมรับว่า สำหรับความตื่นตัวในหมู่ลูกแม่ทั้งหลาย ส่วนใหญ่มักติดแฮชแท็ก #แม่ก็คือแม่ ห้อยท้ายเสมอในโลกโซเชียล

แล้วอะไร คือเบื้องหลังตำแหน่ง ‘แม่’ ที่ใครๆ ต่างยกให้ ?

“เขาเป็นนักธุรกิจชั้นเลิศ ทำให้ดนตรี แฟชั่น ศิลปะ เป็นเรื่องเดียวกัน และเป็นธุรกิจที่เป็นไปได้” อนุรักษ์ หุตะสิงห์ บรรณาธิการนิตยสาร Anywhere แฟนตัวยงที่เคยเป็นถึงอดีตผู้เข้าร่วมแข่งขันรายการแฟนพันธุ์แท้ “มาดอนนา” เอ่ย

และบอกว่า การ “ฉีก” ทุกอย่างที่นักร้องหญิงเคยมีมา คือ สิ่งที่ทำให้มาดอนนาคือ “ไอดอล” ของคนทั่วโลก และนั่นก็เป็นเพราะเธอ “ฉลาด” ที่จะทำ จนกลายเป็นคนรู้จักทำธุรกิจดนตรีที่เก่งคนหนึ่ง

ที่น่าสังเกตอีกอย่าง คือ ไม่ว่าลุคของเธอจะเปลี่ยนไปสไตล์ไหน แต่ความเป็นมาดอนนาไม่เคยหายไปไหนเลย ซึ่งนั่นเขาวิเคราะห์ว่า เป็นเพราะมาดอนนา “พัฒนา” ตัวเองตลอด

"เขาจะทำอะไรก็แล้วแต่ เขาศึกษาลงลึกในดีเทล เขาหยิบมันมาใช้ได้แบบอย่างกลมกล่อม เนียน เพราะเขาหยิบบางส่วน ที่เป็นกิมมิกบางอย่างจากสิ่งที่เขาเห็น ซึ่งทำให้เขาแตกต่าง

ยุค 80 เขาจะมีสร้อย มีอะไรพวกนี้ เอาโซ่ เอาอะไรมาคล้องคอ คล้องข้อมือ มีกำไลยาง ต่างหูไม้กางเขน มีการแต่งตัวของตัวเองที่เด่นชัด จนกระทั่งแฟนเพลงที่เขาไป เขาก็จะแต่งตัวเป็นมาดอนนากัน แล้วก็มีคำพูดที่ว่า Madonna Wannabes ขึ้นมา

ส่วนยุค 90 เป็นบลอนด์ ก็เป็นสาวที่โตขึ้น แล้วรูปแบบแฟชั่นเขาก็มีค้นคว้า อันนี้เหมือนกับเขาทำเป็นคนแรก แต่เขาก็อ้างอิงจากยุคเก่าๆ แล้วนำมาปรับใช้กับตัวเอง" อนุรักษ์ยกตัวอย่าง โดยเห็นว่า การ “ฉกฉวย” รูปแบบต่างๆ จากยุค 40 หรือ 50 มาใส่รวมไว้เฉพาะตัว ทำให้มาดอนนามีเอกลักษณ์ และเห็นได้ชัดว่า เธอมีความรู้เรื่องศิลปะดีแค่ไหน

“ตัวเขาเองมี innovation เยอะมาก” วรพจน์ นิ่มวิจิตร ผู้ก่อตั้ง BandOn Radio ที่คร่ำหวอดในวงการธุรกิจเพลงมากว่า 30 ปี ยืนยันอีกเสียง

“เขาเป็นศิลปินหญิงคนแรกๆ ที่เริ่มใช้ความเป็น ‘ขบถ’ ของความเป็นผู้หญิง มาดอนนามาทำตรงนี้ชัดเจนมาก แล้วก็ผสมผสานแฟชั่นเข้ามากับวงการเพลง ใช้ดีไซเนอร์มาดีไซน์คอสตูมให้ทั้งตอนเล่นคอนเสิร์ต ถ่ายเอ็มวี เธอเป็นคนแรกๆ ที่ยกวงการแฟชั่นมายุ่งกับวงการเพลง มันก็ได้ผลมาก” วรพจน์เล่า และเสริมด้วยว่า มาดอนนามองขาดว่า คนจะชอบอะไร จึงเลือกเข้ามาประกอบเป็นตัวเธอได้แล้ว “เกิด” ได้

ในเรื่องของ “เพลง” ก็มี innovation เช่นกัน เพราะมักจะมีซาวด์หรือสไตล์ใหม่ใส่เข้ามาในความเป็นมาดอนนา หรือชักชวนโปรดิวเซอร์ใหม่ๆ เข้ามาทำเพลงด้วยกัน ประกอบกับการมี “เซนส์” ในเรื่องธุรกิจ ทำให้มาดอนนายังขายได้ตลอด แม้วงการเพลงจะบ่นเรื่องรายได้มากแค่ไหน

นอกจากหัวคิดที่มองขาดแล้วในทุกๆ เรื่องแล้ว ถ้าถามแฟนเพลงตัวจริง จะมีอีกอย่างที่ทำให้ใครๆ ก็หลงรักมาดอนนา

เราชอบที่เขาเป็น bitch (หัวเราะ) เพราะเขารู้ว่า เขาต้องการอะไร ยืนยันในความเชื่อของตัวเองตรงนั้น แล้วก็ทำให้เห็นว่า ทำไมเขาถึงเชื่อ เขาไม่ได้งมงาย เขาทำให้เห็นว่า ที่ฉันคิด มันเป็นอย่างนี้ แล้วเธอก็จะเห็นว่า ทำไมฉันถึงทำออกมาทำไมอย่างนี้อนุรักษ์บอก

“ทัศนคติ” อีกสิ่งที่ยกระดับความเจ๋งให้มาดอนนา

คำพูดคำจาที่ฉลาด ความเชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ยกตัวข่มท่าน ไม่ป้อยอแฟน คือเหตุผลที่วรพจน์ยืนยันว่า แฟนคลับทุกคนชอบความเป็นตัวจริงตรงนี้

“เขาเคยพูดว่า ทำไม คนเราแก่ตัวไป มันห้ามเซ็กซี่เหรอ เขาพูดประมาณเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว (1992) เราสมควรที่จะปล่อยให้ตัวเองตายไปเท่านั้นน่ะเหรอ เราทำตัวสวย โป๊ ไม่ได้เหรอ ฉันว่ามันไม่แฟร์ แล้วก็คือตอนนี้ 20 ปีผ่านมา เขาก็หมายความอย่างที่เขาพูดจริงๆ เขาถ่ายเซ็ทนึงที่เปลือยนม เราก็แบบ เออว่ะ ผู้หญิงคนนี้เจ๋ง เขาเชื่อมั่นในความคิดของเขา เขาทำให้เห็นว่าทำไมเขาถึงเชื่อและมันก็ตอบโจทย์ในตัวของมันเอง" อนุรักษ์บอก และเอ่ยรวมไปถึงว่า แฟนคลับส่วนใหญ่ของมาดอนนาก็จะเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองเช่นกัน

สำหรับวรพจน์นั้นเปรยว่า ตอนนี้มาดอนนาอาจจะไม่มีคำสร้อยมาการันตีว่าเป็น Queen of Pop แต่ทุกคนก็รู้ดีว่า เธอคือ “ตัวจริง”

“สมัยก่อนเรามีคำเรียกว่า ซูเปอร์สตาร์ เช่น ไมเคิล แจ๊คสัน ที่ทุกคนทั่วโลกยอมรับ แต่วันนี้การจะขึ้นไปแบบที่ทุกคนยอมรับขนาดนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มันเป็นไปไม่ได้ และเธอก็ใช่ เธออาจจะเป็นคนสุดท้ายของความเป็นซูเปอร์สตาร์ตัวจริงแล้วก็ได้” 

++++++++++++++++++++++++++

ธนิดา ธรรมวิมล (ดา เอ็นโดรฟิน)

ชอบมาดอนนาที่ตัวตนความเป็นหญิงแกร่ง เป็นไอคอนของคนกล้าคิดกล้าทำ มีตัวตนชัดเจน ผู้หญิงบ้าพลัง เป็นไอดอลคนนึงของดาเลย อย่างตอนที่ได้ดูเอ็มวีเพลง Jump (Confessions on a Dance Floor, 2005) เห็นแล้วตกใจมากกก คือ กล้ามเป็นมัดทั้งๆ ที่ตอนนั้นอายุ 40 ปลายๆ แล้ว

เขาเป็นประวัติศาสตร์ เป็นตำนานของวงการดนตรีขนาดที่ว่า ถ้ามีโอกาส ควรจะได้ดูคอนเสิร์ตของเขาซักครั้งในชีวิต แล้วก็ได้โอกาสนั้น พอดี อีฟ (พุทธธิดา ศิระฉายา) โทรมาชวน บอกว่า จะไปดูกับที่บ้าน จะดูด้วยกันมั้ย จะได้ซื้อตั๋วพร้อมกัน ก็ตกลงตามนั้นว่า ไปด้วย แต่ก็แอบถามอีฟนะว่า.. พ่อจะไม่กลัวดาใช่มั้ย (หัวเราะ)

เรื่องแต่งตัว คือ ปลงแล้วล่ะค่ะ แต่งเท่าไหร่คงสู้พี่ๆ เก้งกวางทั้งหลายไม่ได้ ก็คิดว่าจะแต่งธีมร็อคๆ ละกัน กะว่าจะชวนบ้านอีฟ ทั้งคุณพ่อคุณแม่ (เศรษฐา-อรัญญา ศิระฉายา) ให้แต่งกันไปเป็นแก๊งเลย เอาแนวเสื้อหนัง หมุดๆ แบบไบเกอร์น่ะค่ะ

++++++++++++++++++++++++++

โจโจ้ - ทิชากร ภูเขาทอง

อัลบั้มโปรด : Confessions on a Dance Floor (2005)

ประโยคเด็ด : You deserve the best in life. So if the time isn't right then move on. (express yourself, Like a Prayer 1989)

เป็นแฟนมาสิบกว่าปีแล้ว ตั้งแต่ช่วงเริ่มฟังเพลงสากลแรกๆ แต่ด้วยความที่มาดอนนาเค้าเป็นศิลปินที่มาในยุค 80 แต่เรามาฟังเพลงสากลในช่วงปี 2000 แล้ว ช่วงปลาย 90 หน่อยๆ ก็เห็นว่า เพลงเขาล้ำจัง ก็เลยเลยตามกลับไปฟังเพลงของเขาตั้งแต่ยุค 80

ชอบทุกอย่างทั้งลุคเขา เพลงเขา แต่มันเกิดจากเพลงก่อน ด้วยความที่ลุคเขาเปลี่ยนไป มันจะมีความที่เป็นคนนำเทรนด์ คนอื่นจะต้องตาม แล้วยิ่งเวลาแบบไปตามหาบทสัมภาษณ์ นางก็จะแบบเป็นคนที่มีหัวคิดฉลาด ทันสมัย แรง แต่ล้ำกว่าคนอื่น เป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์ให้ศิลปินในยุคนั้น

ซื้อบัตรตั้งแต่วันแรกที่ขาย แล้วก็เตรียมคิดชุดว่า จะต้องแต่งตัวไปยังไง นัดกับเพื่อนว่าเป็นทีม ไปกันประมาณเกือบ 10 คน เป็นเพื่อนกันในแทรชเชอร์ (กลุ่ม Trasher Bangkok) เราจะต้องทำตัวให้โดดเด่นให้มาดอนนาเห็น ก็คงจะเป็นลุคที่ reference มาจากเพลง เน้นชุดที่สะดวกในการเต้นดีกว่า แล้วก็จะทำให้ไม่ซ้ำกันกับเพื่อน ได้แบบไปกันเป็นแก๊ง คงจะมีอุปกรณ์ เต้นกันแรงๆ ฝึกท่าเต้นกันมาก่อน เก็งกันว่า เพลงนี้ต้องมีแน่ๆ เพลงไหนจะต้องซ้อมไว้

อ้อ.. ยังมีแฮชแท็กที่เตรียมไว้ ว่า #bitchwearemadonna แล้วก็ #แม่ก็คือแม่

++++++++++++++++++++++++++

ลูกเกด - เมทินี กิ่งโพยม

อัลบั้มโปรด : True Blue (1986)

เป็นแฟนมาตั้งแต่เด็กๆ ยุค 80 เขาเป็นผู้หญิงเก่ง มีเป้าหมาย แล้วก็เป็นผู้หญิงที่เปลี่ยนแปลงอิมเมจตัวเองอยู่เรื่อยๆ เราชอบทัศนคติเขา ความคิดเขา ยังไม่เคยดูคอนเสิร์ตเขาเลย ซื้อบัตรตั้งแต่วันแรกๆ

ไปดูกับเพื่อนๆ ในวงการแฟชั่นค่ะ คิดว่ากะเทยในประเทศทุกคนคงไป แค่ไปกับเพื่อนๆ ก็พอแล้ว สนุกแล้ว เรื่องชุดคงไม่ถึงขนาดไปเตรียมชุดอะไร เพราะตอนนี้อายุ 43 แล้วค่ะ คงไม่ถึงขนาดนั้น ถ้ายังเป็นเด็กวัยรุ่นอยู่ ก็อาจจะแต่งตัวไป ตอนนี้ยังไม่ได้คิดคอนเซปต์เลย เพลงที่แน่ๆ ก็ต้องเป็นเพลงดังๆ ของเขา เพลงยุคเก่าๆ พวก Like a Virgin (Like a Virgin, 1984) อะไรแบบนี้ พวก 80 90 แต่ละยุคที่เขาออกเพลงมันสามารถที่จะเชื่อมโยงกับเราได้

++++++++++++++++++++++++++

แชมป์ - ปริศร์ อติเรกานนท์

อัลบั้มโปรด : Like a Prayer (1989)

ประโยคเด็ด : you've got to let your body move to the music.

รู้จักมาดอนนาตั้งแต่ตอนอยู่ ม.2 (1984) ฟังตั้งแต่ชุดแรก ฟังมาตลอด จำได้ขึ้นใจ ต่อให้ป่วย นอนละเมอ หรือเมาแค่ไหน ก็ร้องได้ทุกท่อน เป็นแฟนตัวจริง แบบล้นสเกล คะแนนเต็มเท่าไหร่ เกินหมด (หัวเราะ) ถ้าเป็นเมื่อก่อน ตอนยังวัยรุ่น ต้องไปรอรับที่สนามบิน หรือไปเฝ้าที่โรงแรมแล้ว แต่ตอนนี้ก็อายุเยอะ มีงานต้องดูแลรับผิดชอบ ก็คงเลยคำว่าคลั่งไคล้แล้วแหละ แต่ก็ตื่นเต้นนะ

ส่วนช่วงยุคที่ชอบที่สุด คงจะเป็นช่วงตั้งแต่อัลบั้มแรกจนถึงอัลบั้มที่สี่ เป็นยุค 80 ต่อเนื่องถึงต้น 90 ถือเป็นจุดที่พีคมากๆ เป็นซูเปอร์สตาร์อย่างที่สุด

มาดอนนามีอิทธิพลต่อตัวเองค่อนข้างสูง ชอบทั้งตัวเพลงแล้วก็ตัวตนของเขาที่ทำอะไรไม่เคยแคร์ใคร สอนให้เราเป็นกล้าแสดงออก ซึ่งก็ซึมซับมาเรื่อยๆ จนตอนโต ก็ยิ่งเห็นว่า เป็นคนนำหน้าคนอื่นเสมอ ปฏิวัติวงการ

เรื่องการเตรียมตัว จริงๆ แทบไม่ได้เตรียมอะไร ยิ่งเรื่องคอสตูม ด้วยความที่เป็นคนขี้ร้อน เลยว่า จะไม่จัดเต็ม คงไม่ถึงกับแปลงกาย เอาแค่เบาๆ ให้พอมีความเป็นมาดอนนาอยู่ด้วยบ้าง เช่น มีเสื้อรูปตัว M หรืออาจจะมีกิมมิกเล็กๆ แต่ก็อยากให้แฟนๆ จัดเต็มกันมานะ แต่งตัวให้เต็มที่ ส่วนตัวเองขอไปแสดงความเป็นมาดอนนาด้วยการร้องและท่าเต้นแทนก็แล้วกัน

++++++++++++++++++++++++++

ปิ๋ว - นาวิน สุขโข

อัลบั้มโปรด : Ray of Light (1998) และ Rebel Heart (2015)

ประโยคเด็ด : Freedom comes when you learn to let go (The Power Of Good-Bye, 1998)

แม่มาหาถึงบ้าน ก็ต้องไปรายงานตัวล่ะครับ (หัวเราะ) ต้องไปแน่นอน ซื้อตั๋วไปดูสองรอบเลย

ตั้งแต่ตอนประถมปลายๆ ก็เริ่มหัดฟังเพลงฝรั่ง แล้วพออยู่ ม.ต้น มีอยู่วันหนึ่ง พี่สาวเช่าวีดิโอ Like a Virgin มา โห.. มันตื่นตาตื่นใจมาก ก็เลยเป็นแฟนมาจนถึงตอนนี้

เอาจริงๆ ถ้าชอบเพลงอย่างเดียวคงไม่เป็นแฟนมานานขนาดนี้ แต่ที่มากกว่านั้น คือ ตัวตนของเขาที่ไม่เหมือนใคร กล้าเป็นตัวเอง และที่สำคัญ มันเหมือนเราโตมาด้วยกัน เราได้เห็นเขาพัฒนาทางด้านจิตใจ (Spiritual) เพลงก็มีปรัชญาคำคม ไม่ใช่แค่ I love you, you love me.

เพลงของเขาช่วยชีวิตเราไว้หลายหน ตอนอกหักเราก็ฟังเพลง You'll see ( Something to Remember,1995) ทำให้เข้มแข็งขึ้นมาได้ หรืออย่างเนื้อท่อนหนึ่งของเพลง The Power Of Good-Bye (Ray of Light, 1998) ที่บอกว่า Freedom comes when you learn to let go. ส่วนเพลง Secret (Bedtime Stories,1994) ก็มีท่อน Happiness lies in your own hand. คือมันยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า มาดอนนาเป็นคนฉลาด มีปรัชญาในการใช้ชีวิตที่ลึกกว่าแค่ความเซ็กซี่เยอะ

เรื่องเสื้อผ้าหน้าผมคงไม่ได้จัดเต็มอะไร ถ้าเป็นผู้หญิงหรือสาวๆ หน่อย เขาก็แต่งกันได้เต็มที่ แต่เราเองจะมากไปคงไม่ได้ ก็คิดว่า จะใส่เชิ้ตแขนกุดสีดำ อาจจะปักดิ้นทอง หรือเพ้นท์ เป็นคำ Bitch I'm Madonna หรือไม่ก็ชื่อคอนเสิร์ต Rebel Heart