ผ่าคมคิด เจ้าพ่ออสังหาฯ “อนันต์ อัศวโภคิน”

เปิดตัวรับศักราชใหม่ ปี 2559 กับการเปิดตัวหลักสูตรการอบรมระยะสั้น The NEXT Real รุ่นที่ 1 ของมหาวิทยาลัยชินวัตร ต่อยอดจากการก่อตั้งหลักสูตรนี้ของเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์เมืองไทย เสี่ยตึ๋ง “อนันต์ อัศวโภคิน” ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 

เสี่ยตึ๋ง จึงถือโอกาสนี้ บอกเล่าถึง Big Change ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ ผ่านวงเสวนา “The NEXT Real Thailand Property Development Trends” ร่วมกับ “สมประสงค์ บุญยะชัย” อดีตประธานกรรมการบริหารอินทัช กรุ๊ป และ “ไชยยง รัตนอังกูร” อดีตผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ หรือ TCDC

มีจังหวะการเสวนาที่ถูกคอกันระหว่าง “อนันต์” กับ “สมประสงค์” พูดถึงนักรบผู้ยิ่งใหญ่อย่าง “นโปเลียน โบนาปาร์ต” หรือจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 ของฝรั่งเศส กระทั่งฝ่ายสมประสงค์ออกปากชมเปาะ ว่า อนันต์ เปรียบเป็นนโปเลียน ทำธุรกิจเก่งกาจกระทั่งเป็นเบอร์ 1 ในวงการอสังหาฯ (ด้านกำไร) มายาวนาน

อนันต์ เลยหยิบยกคำถามที่คนสงสัยนักว่า ทำไมนโปเลียนจึงรบชนะมามากมาย ทั้งๆที่อาจมีแม่ทัพ-นายพลที่เก่งกว่านโปเลียน ประเด็นนี้เขาอ่านเกมว่า..

นักรบในตำนานอย่างนโปเลียน เลือกที่จะรบเฉพาะสงครามที่เขาคิดว่าจะรบชนะ จึงทำให้ชนะทั้งหมด และคงไม่แปลกที่นักธุรกิจเช่นเขาจะเอาอย่างในการรั้งตำแหน่ง “ผู้นำ” ในตลาดอสังหาฯ

ทว่า เบื้องหลังเส้นทางธุรกิจของเจ้าพ่ออสังหาฯ กลับไม่ได้พานพบแต่ “ความสำเร็จ” ให้ได้ปลื้มเสมอไป โดยเฉพาะ เมื่อรุกธุรกิจอื่น ที่ “ไม่ชำนาญ” 

หลายธุรกิจยังเผชิญความ “ล้มเหลว” ทั้งธุรกิจประกันชีวิต ประกันภัย เงินทุนหลักทรัพย์ ก่อสร้าง กระทั่งการออกไปลงทุนใน “ต่างประเทศ” ทั้งฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เวียดนาม สหรัฐอเมริกา แม้กระทั่งจีนที่ไปลงทุนตั้งแต่ปี 2535 ยุคที่คนจีน ยังขนไก่มีชีวิตขึ้นเครื่องบิน

“เชื่อไหมผมทำธุรกิจ fall (ล้มเหลว) มาเกือบ 25 บริษัท ตอนนี้เหลืออยู่ 4 บริษัท โชคดีไม่เจ๊งหมด”  

เขายกตัวอย่างเรื่องผิดพลาด อย่างการรุกสู่ธุรกิจก่อสร้างในไทย เพราะเคยคิดว่า ธุรกิจนี้จะต่อยอดจากธุรกิจอสังหาฯ สร้างบ้านปีละ 5,000-6,000 หลัง

แต่ความเชื่อนี้ไม่จริงเลย นั่นเพราะ การบริหารงานก่อสร้างเป็น “คนละเรื่อง” กับประสบการณ์ขายบ้านที่สั่งสมมานาน

“ผมทำเรื่องไม่สำเร็จเยอะมาก (หัวเราะ) จนไม่กล้าคิดว่าความล้มเหลวคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของความสำเร็จ ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่เราไม่รู้จริงๆ อย่างในต่างประเทศที่เราไปลงทุนก็เป็นธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งเราไม่มีประสบการณ์ บทเรียนที่ได้คือ ถ้าไม่รู้จริงอย่าไปทำ กฎหมายไม่ชัดเจนอย่าไปทำ"

ขณะที่ธุรกิจที่พบความสำเร็จอยู่เสมอคือ “ธุรกิจอสังหาฯ” เสี่ยตึ๋ง เผยถึง“เคล็ดลับ”ความสำเร็จว่า นอกจากจะทำในสิ่งที่ชำนาญแล้ว ต้องคิดให้ “ต่าง” จากคู่แข่ง จึงจะมองเห็น “ช่องว่าง” แห่งโอกาส 

จะคิดต่างได้ ก็ต้องเริ่มต้นจาก “ไอเดีย” สร้างสรรค์ 

อย่างธุรกิจค้าปลีกอสังหาฯ  “ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21”  เสี่ยตึ๋งบอกว่า ในเทอร์มินอล 21 ไม่มีห้างสรรพสินค้า แต่เต็มไปด้วยร้านค้าของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ราว 700 ราย ที่เปิดให้บริการ ตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพราะจากสอบถามนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้ความเห็นว่า ไม่รู้จะไปชอปปิง ในศูนย์การค้าขนาดใหญ่ทำไม ในเมื่อสินค้า ร้านค้าดังๆ ล้วนมีหมดแล้วในบ้านเมืองเขา กลายเป็นการ “ตกผลึก” โมเดลธุรกิจ 

ขณะที่ โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์ เทอร์มินอล 21 เสี่ยตึ๋งก็มีวิธีคิดที่ “ฉีกกรอบ” โดยบริการในโรงแรมส่วนใหญ่จะใช้วิธีจ้างคนอื่นทำ (Outsource) เพื่อต้องการใช้พื้นที่ตั้งโรงแรมใจกลางอโศก ราคาที่ดินแพงระยับ ให้เกิดมูลค่าสูงสุด

“โรงแรม 4-5 ดาว ขนาด 500 ห้อง ต้องมีพนักงานร่วมพันชีวิตแต่ของผมมีแค่ 120 คน เรื่อง บริการซักรีด โยนให้เชนระดับโลก เช่น คอนราด อมารี รับหน้าที่ไป บริการแม่บ้าน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต่างๆ จ้างจากบริษัทข้างนอกหมด วัตถุประสงค์เราต่างกับโรงแรมชั้นหนึ่ง ผมทำห้องพักดีกว่า เราขออย่างเดียวให้ห้องต้องเต็มหมด”

“อนันต์” ยังบอกด้วยว่า ธุรกิจอสังหาฯวันนี้เป็นสมรภูมิแข่งขันที่หลากหลายมากขึ้น ไม่หยุดเฉพาะการพัฒนาที่อยู่อาศัย บ้านเดี่ยว ทาวเฮ้าส์ คอนโดมิเนียม เพียงอย่างเดียว จุดเปลี่ยนสำคัญคือการเกิดขึ้นของ “กองทุนอสังหาริมทรัพย์” ซึ่งเป็นแหล่งระดมเงินทุนชั้นดีให้กับผู้ประกอบการนำเงินไปขยายธุรกิจอสังหาฯหลากหลาย รุกไปสู่อสังหาฯเพื่อค้าปลีก ที่ไม่จำกัดการแข่งขันอยู่แค่ 2 ยักษ์ค้าปลีก (เครือเซ็นทรัล เครือเดอะมอลล์) อีกต่อไป

โดยหลังเปิดตัวกองทุนอสังหาฯเพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ แอล เอช โฮเทล หรือ LHHOTEL ซึ่งเข้าลงทุนในสิทธิการเช่าโรงแรม แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ฯ และเทอร์มินอล 21  เสี่ยตึ๋งเล่าว่า ทำให้เขายังมีเงินมาขยายห้างฯและโรงแรมได้อีกมาก โดยเตรียมผุดโรงแรมบนทำเลทองหล่อ และพัทยาเพิ่ม 

“โรงแรมกลายเป็นธุรกิจที่น่าทำมาก การลงทุนธุรกิจอสังหาฯกว้างมาก ไม่ใช่แค่เรื่องบ้านและคอนโดมิเนียม อีกต่อไป" เขาย้ำ

วิธีคิด“ต่าง” เหล่านี้คือส่วนผสมความสำเร็จของผู้ชายที่ชื่อ “อนันต์” 

ทว่า ความสำเร็จในอดีตไม่สามารถการันตีว่ายุคนี้จะใช้ได้อีกแล้ว 

เพราะตลาดอสังหาฯ วันนี้เปลี่ยน “เร็ว” มาก ผลพวงจาก “เทคโนโลยี” ที่คืบคลานเข้ามามีอิทธิพล การเรียนรู้ทักษะการทำธุรกิจจากคู่แข่งในตลาดตามทันกันในระยะเวลาสั้น 

นั่นทำให้ “การปรับตัว” สำคัญมาก “อนันต์” เปิดประเด็นในวงเสวนา 

เทคโนโลยียังเพิ่ม “สปีด” ในการทำธุรกิจ 

ล่าสุด เขาไปซื้ออสังหาฯ ในสหรัฐฯเพิ่มอีก 1 ตึก ในย่านซิลิคอนแวลลีย์ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อปรับเป็นอพาร์ทเมนต์ ทำให้ต้องปรับปรุงอาคารใหม่ โดยใช้วิธีระดมสมองในเรื่องเหล่านี้ผ่าน “ VDO call” ใช้ระยะเวลา 3 ชั่วโมงแล้วเสร็จ ไ่ม่ต้องบินไปไกลถึงสหรัฐฯ ทำให้ต้นทุนการทำธุรกิจ (Overhead cost) ต่ำมากด้วย 

เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงวิธีคิด การทำงานโดยสิ้นเชิง

“การพัฒนาโครงการ หรือทำธุรกิจ เรื่องสปีด และโอเวอร์เฮด สำคัญมาก ใครทำตรงนี้ได้ คนนั้นชนะ”

การทำธุรกิจแบบ “อนันต์” ยังเน้นผลลัพธ์ตัวเลขสุดท้ายคือ “กำไร” จากการดำเนินงาน เมื่อได้กำไรดังใจหวัง ก็ขายไม่ยึดติด เขาบอกว่า 

“ผมไม่อยากเป็นเจ้าของ ผมทำธุรกิจ อย่างผมทำโรงแรมไม่ได้อยากเป็นเจ้าของโรงแรม อพาร์ทเมนต์ที่สหรัฐฯ ซื้อมา และขายไปแล้ว 3 ตึก ให้กับผู้ซื้อจากทั่วโลก”

ถามถึงการเปลี่ยนแปลงอสังหาฯในอนาคตจะเป็นอย่างไร 

เขาบอกว่า “ในโลกนี้ไม่มีธุรกิจอะไรใหม่เลย มีแค่วิธีคิดใหม่เท่านั้น”

นั่นคือบทสรุป “ทุกสิ่ง” ที่สะท้อน มุมคิดของเจ้าพ่ออสังหาฯ