รมว.ยธ.ซัดแกนนำนปช.ใช้ปมราชภักดิ์ หวังผลการเมือง

รมว.ยธ.ซัดแกนนำนปช.ใช้ปมราชภักดิ์ หวังผลการเมือง

"ไพบูลย์"แจงแกนนำนปช.เคลื่อนไหวกดดันปมราชภักดิ์ หวังผลการเมือง โยงคดี 112 .ลั่นตรวจสอบในมาตรฐานเดียวกับกรณีทุจริตอื่น

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า. ยอมรับและเข้าใจกระแสวิพากษ์วิจารณ์กรณีโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ และการกดดันให้พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออกจากตำแหน่งเพื่อลดกระแสกดดันจากกลุ่มการเมือง แต่การตัดสินใจดังกล่าวเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีและพล.อ.อุดมเดช ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ก็พูดชัดว่าให้เป็นดุลพินิจ โดยยืนยันว่า ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) จะเดินหน้าตรวจสอบไม่มีข้อยกเว้น และยอมรับว่าการตรวจสอบช้ากว่าความต้องการของประชาชน จนส่งผลกระทบถึงรัฐบาล

"ขอตั้งข้อสังเกตถึงการออกมาเคลื่อนไหวของแกนนำนปช. ว่าหวังผลทางการเมือง โดยนำประเด็นการตรวจสอบอุทยานราชภักดิ์ไปโยงกับคดี 112 ซึ่งต้องแยกให้ชัดระหว่างการใช้งบประมาณ กับเงินบริจาค และการหักหัวคิว ว่าใครเป็นคนทำให้เกิดหัวคิว และใครเป็นคนได้รับประโยชน์จากหัวคิว โดยไม่เอาไปพันกับคดี 112 การตรวจสอบต้องดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน ไม่ใช่เอาความรู้สึกหรือคำพูดมาวัด ที่ผ่านมาตนเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายที่มีหลักฐานนำมายื่นให้ศอตช. แต่ก็ไม่มีใครนำหลักฐานมายื่น มีเพียงคำพูดให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนเท่านั้น"พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว

พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า หน่วยตรวจสอบของศอตช.ได้ทำหนังสือขอเอกสารหลักฐานโครงการอุทยานราชภักดิ์ไปยังกองทัพบกแล้ว แต่ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีปัญหาอย่างไร คาดว่าจะมีการจัดส่งเอกสารให้ภายในกรอบเวลา ซึ่งไม่ปล่อยให้เนิ่นช้าเกินไป ทั้งนี้ย้ำให้ศอตช.ตรวจสอบกรณีนี้ในมาตรฐานเดียวกับการตรวจสอบทุจริตเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะเรื่องห้วงเวลาต้องไม่ให้ล่าช้าเกินไป เพราะตนต้องการว่าประชาชนต้องการให้จบ ซึ่งต้องยอมรับว่าการตรวจสอบต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน ยืนยันทำตามหน้าที่ 100 % ถ้าพบความผิดตนไม่เอาไว้แน่