'อาคม'ชี้สรุปเงินลงทุน-ดบ.รถไฟไทย-จีนได้ต้นปีหน้า

'อาคม'ชี้สรุปเงินลงทุน-ดบ.รถไฟไทย-จีนได้ต้นปีหน้า

คมนาคม คาดสรุปเงินลงทุน-ดอกเบี้ยโครงการรถไฟไทย-จีนได้ต้นปี 59 ยันไม่ล่าช้า

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน เส้นทางโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางกรุงเทพฯ-แก่งคอย, แก่งคอย-มาบตาพุด, แก่งคอย-โคราช, โคราช-หนองคาย ระยะทาง 873 กม. ขณะนี้ถือว่าการดำเนินงานเป็นไปตามกรอบการทำงานร่วมกัน และไม่ได้มีความล่าช้า

โดยคณะทำงานของกระทรวงคมนาคมได้หารือตรงกับผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ที่ปักกิ่ง ซึ่งในข้อตกลงความร่วมมือนี้ ไทยได้สงวนสิทธิ์ในการตรวจสอบราคาค่าก่อสร้างอย่างละเอียด ซึ่งหลังจากการหารือครั้งที่ 8 ที่ปักกิ่ง จีนยังติดค้างรายละเอียดข้อมูลอีกหลายข้อ รวมถึงรายละเอียดการออกแบบ โดยตกลงที่จะส่งมอบให้ครบภายในเดือนธ.ค.นี้

สำหรับการประชุมความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 9 ในวันที่ 3 ธ.ค.58 ที่ประเทศไทยนั้น จะเป็นการติดตามข้อมูลที่ยังไม่ครบถ้วน โดยในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.59 จะเป็นการสรุปรายละเอียดและทำรายงานผลการศึกษาความเหมาะสมฉบับปรับปรุง ซึ่งจะรู้ตัวเลขเงินลงทุนทั้งหมด รายละเอียดในส่วนของค่าก่อสร้าง การแบ่งสัดส่วนเงินลงทุน เงินกู้ ซึ่งจะสามารถสรุปเรื่องอัตราดอกเบี้ยได้ ส่วนเรื่องที่ปรึกษาโครงการ ที่ปรึกษาทางการเงินนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ได้ดำเนินการว่าจ้างเรียบร้อยแล้ว และได้ทำการตรวจสอบข้อมูลค่าก่อสร้างที่จีนส่งมาให้แล้ว

"เราไม่ได้ช้า ทุกอย่างยังอยู่ในกระบวนการ โครงการนี้ใช้เงินลงทุนสูง คงใช้วิธีเขียนใบสั่งซื้อสินค้าก่อนแล้วค่อยมาคิดราคากันทีหลังไม่ได้ ต้องมีความมั่นใจในรายงานการศึกษา ดังนั้นต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ และถือเป็นการทำงานของจีนครั้งแรกที่มีการลงรายละเอียดมากกว่าที่จีนไปร่วมมือกับหลายประเทศ"นายอาคมกล่าว

รมว.คมนาคม กล่าวว่า การลงนามในร่างบันทึกความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงคมนาคม กับกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น เพื่อพัฒนาเส้นทางรถไฟแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกตอนใต้  เส้นทางกาญจนบุรี(บ้านพุน้ำร้อน)-กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง และกรุงเทพฯ-อรัญประเทศ ระยะทาง 574 กม. โดยจะเป็นการปรับปรุงทางรถไฟเดิมขนาดราง 1 เมตร  ให้มีความมั่นคงแข็งแรงมากขึ้นพร้อมทั้งก่อสร้างเส้นทางช่วงที่ขาดประมาณ 42 กม. แบ่งเป็นช่วงจากจากาญจนบุรี-พุน้ำร้อน ระยะทาง 26 กม.และช่วงอรัญประเทศ-คลองลึก ระยะทาง 6 กม. ถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญสูงในลำดับต้นและมีความเป็นไปได้ เนื่องจากมีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ของประเทศไทยและเมียนมา เนื่องจากเส้นทางผ่านเขตเศรษฐกิจพิเศษ 4 เขต คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย (เมียนมา) เขตเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรี ซุปเปอร์คลัสเตอร์อีสเทิร์นซีบอร์ด เขตเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว และเชื่อท่าเรือน้ำลึก 2 แห่ง คือ แหลมฉบังกับทวาย

โดยในระหว่างนี้ได้มีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มความมั่นคงแข็งแรงของเส้นทางแล้ว และในเดือนม.ค.59 ญี่ปุ่นจะจัดตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 12 ฟุต จำนวน 3 ตู้เข้ามาทดลองเดินรถขนส่งสินค้าเส้นทางหนองปลาดุก-ท่าเรือแหลมฉบัง จากนั้นไทยและญี่ปุ่นจะร่วมตั้งบริษัทบริหารการเดินรถ ซึ่งจะลงทุนในเรื่องการเดินรถการจัดหาขบวนรถเพิ่มและการยกระดับจากทางเดี่ยวเป็นทางคู่