พ่ออุ้มลูกวัย11เดือน ร้องนายกฯ ชี้หมอรพ.ดัง วินิจฉัยโรคผิด

พ่ออุ้มลูกวัย11เดือน ร้องนายกฯ ชี้หมอรพ.ดัง วินิจฉัยโรคผิด

พ่อชาวสุราษฎร์ฯ อุ้มลูกวัย11เดือน ร้องนายกฯ ถามหาความรับผิดชอบจากโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่ง ชี้ลูกป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเพราะหมอตรวจครรภ์พลาด

ส่งผลลูกคนที่2ป่วยเหมือนคนโต ระบุลำบากมากต้องปิดกิจการ เพื่อมาดูแลลูก2คนที่ป่วยเหมือนกัน จนท.แนะให้ร้องแพทยสภาอีกทางหนึ่ง

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ฝั่งสำนักงานก.พ. ถนนพิษณุโลก นายสุชาติ โพธิ์จันทร์ อายุ 47ปี เดินทางจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าร้องเรียนต่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์บริการประชาชน เพื่อร้องเรียนโรงพยาบาลรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร จากกรณีที่โรงพยาบาลดังกล่าวได้ทำการตรวจวินิจฉัยที่ผิดพลาดจนทำให้เด็กชายพิชเยศ โพธิ์จันทร์ (น้องพีช) อายุ 11 เดือน บุตรชายของตน ต้องเกิดมาโดยป่วยเป็นโรคของกล้ามเนื้อเส้นประสาท (SMA) ซึ่งมีการเสื่อมของ Motor neuron อันเป็นผลทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง

นายสุชาติ กล่าวว่า ตนและภรรยาเป็นคนอำเภอบ้านนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประกอบอาชีพกิจการส่วนตัว มีลูกด้วยกัน 2 คน ซึ่งลูกคนโตเกิดที่โรงพยาบาลในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะนี้อายุ 2 ปี 3 เดือน ป่วยเป็นโรคของกล้ามเนื้อเส้นประสาท (SMA) พอถึงครั้งตอนภรรยาตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง ตนได้พาภรรยาไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลรัฐ ในกรุงเทพฯ และโรงพยาบาลฯได้ทำการเจาะน้ำคล่ำเพื่อนำไปตรวจ และทำการตรวจทุกขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อที่จะได้ทราบว่าลูกคนที่สอง มีอาการที่จะเป็นโรคเหมือนพี่ชายหรือเปล่าและแพทย์ก็ให้คำยืนยันมาว่าไม่เป็นโรคในลักษณะเดียวกันกับพี่ชายและไม่มีการกลายพันธุ์เหมือนกับพี่ชายแน่นอน เราจึงตัดสินใจเก็บลูกไว้

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า พอถึงตอนที่ภรรยาได้คลอดลูก กลับพบว่าลูกมีอาการไม่ชันคอ ไม่ดิ้น ขาไม่ยืด ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับพี่คนแรกที่เป็นโรคของกล้ามเนื้อเส้นประสาท (SMA) ซึ่งหมายความว่าโรงพยาบาลได้วินิจฉัยโรคผิด ตนจึงเข้าพูดคุยกับแพทย์ เพื่อขอให้รับผิดชอบในด้านใดด้านหนึ่ง เพราะหลังจากที่พบว่าลูกทั้งสองเป็นโรคของกล้ามเนื้อเส้นประสาท(SMA) กิจการงานต่างๆของครอบครัวก็ต้องล้มเลิกกิจการ เพื่อมาดูแลเลี้ยงดูลูกทั้งสอง

“ในการพูดคุยกับโรงพยาบาลก็มีการเจรจากับทีมงานของอาจารย์หมอที่ตรวจลูก และมีการรับปากว่าจะช่วยเหลือในด้านต่างๆที่เราได้ขอไว้ แต่จนถึงขณะนี้กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ เลย ตอนนี้เราเดือดร้อนมาก นอกจากการที่ต้องปิดกิจการเพื่อมาดูแลรักษาลูก และเงินที่นำมาซื้อของให้ลูกก็คือเงินเก็บ เพราะในการดูแลนั้นต้องมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทั้งในเรื่องของนมก็จะต้องเป็นนมแพะ เพราะนมชนิดอื่นไม่สามารถทำให้ลูกแข็งแรงขึ้นได้ และถังออกซิเจนที่ใช้เพื่อช่วยหายใจกับลูก ก็ต้องเปลี่ยนทุกสามวัน อีกทั้งอาหารทางสายยางที่ให้ลูกกินก็มีราคาค่อนข้างสูง” นายสุชาติ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการร้องเรียนครั้งนี้ นายสุชาติได้นำหลักฐานการสนทนากับแพทย์ที่ดูแลครรภ์ของภรรยา ที่สนทนาผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ( Line) ที่มีการยืนยันจากแพทย์ว่าลูกของตนจะไม่ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงอย่างแน่นอน มายื่นเป็นหลักฐานประกอบด้วย และภายหลังจากที่นายสุชาติ ได้ยื่นร้องเรียนเรื่องที่ศูนย์บริการประชาชนฯ ก็ได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ว่าควรที่จะไปร้องเรียนที่แพทยสภาด้วยอีกทางหนึ่ง เนื่องจากในการที่จะเข้าไปตรวจสอบการทำงานของแพทย์ตามโรงพยาบาลต่างๆนั้น แพทยสภาจะมีสิทธิที่จะเข้าไปดูแลได้