INTUCH - ซื้อ

INTUCH - ซื้อ

กำไรสุทธิ 3Q58 เท่ากับ 3,471 ล้านบาท ลดลง 15%QoQ และ 8%YoY

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

- กำไรสุทธิ 3Q58 เท่ากับ 3,471 ล้านบาท ลดลง 15%QoQ และ 8%YoY: แม้ว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 7%QoQ และ 15%YoY แต่กำไรสุทธิออกมาเท่ากับ 3,471 ล้านบาทลดลง 15%QoQ และ 8%YoY โดยเป็นผลจากรายได้ของ ADVANC ที่อ่อนตัวจากการทำ Market-penetration เพื่อให้ลูกค้าย้ายจาก 2G มายัง 3G บนเครือข่าย 2100 MHz รวมถึงการชะลอการซื้อโทรศัพท์ของลูกค้าเพื่อรอรุ่นใหม่ที่จะวางขายช่วง 4Q58 นอกจากนี้ THCOM มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิสูงถึง 444 ล้านบาทจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ที่ต้องประเมินมูลค่าในรายการเงินกู้ยืมสำหรับโครงการดาวเทียมใหม่

- ปี 58 คาดกำไรสุทธิเติบโต 8% ตามคาด: 9M58 มีกำไรสุทธิเท่ากับ 11,658 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5%YoY และคิดเป็น 72% ซึ่งคาดว่าจะทำกำไรสุทธิได้ตามเป้าปี 58 ที่ 16,148 ล้านบาทโดยมีปัจจัยจากการเติบโตของรายได้การให้บริการข้อมูลที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องตามพฤติกรรมการใช้งานที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งการวางขาย Iphone6s ในช่วงต้น 4Q58 จะเป็นแรงผลักดันให้รายได้ของ ADVANC ฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสสาม รวมถึงอัตราการใช้ดาวเทียว THCOM 7 ที่เพิ่มขึ้นหลังจากบรรลุข้อตกลงให้บริการช่องสัญญาณดาวเทียมกับ บจ.แกรนท์ อินเวสเทรด (GIL) ในอินเดียซึ่งหนุนยอดใช้งานเต็ม 100% และเป็นประโยชน์ต่อเนื่องในการให้บริการ THCOM 8 ต่อไป

- ปี 59 ยังคงมีความเสี่ยงแม้เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัว: ในปี 59 แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกจากสภาพเศรษฐกิจที่มีโอกาสฟื้นตัวจากการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงปลาย 3Q58 ที่ผ่านมาและคาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวชัดเจนตั้งแต่ 1Q59 เป็นต้นไปจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวขึ้นซึ่งจะทำให้ผู้บริโภคใช้จ่ายมากขึ้นและส่งผลบวกต่อรายได้การให้บริการของ ADVANC รวมถึงช่วง 2H59 ที่จะมีการยิง THCOM 8 ที่จะหนุนรายได้ของ THCOM อย่างไรก็ตามฝ่ายวิจัยยังคงมองว่ามีความเสี่ยงจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมการให้บริการโทรศัพท์มือถือหลังจากการประมูลใบอนุญาต 4G ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งรายได้จาก ADVANC และ THCOM ลดลง จากที่กล่าวมาจึงมองว่าในปี 59 คาดบริษัทจะมีกำไรสุทธิราว 17,241 ล้านบาทเติบโตจากประมาณการปี 58 ราว 7%

- คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 82 บาท : จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่จะช่วยหนุนให้รายได้มีการเติบโตและราคาที่ปรับตัวลงมาแรงในปีนี้และการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอที่อัตราผลตอบแทนราว 6-7% ต่อปี ทำให้เป็นบริษัทที่น่าสนใจ ทั้งนี้ราคาเหมาะสมซึ่งประเมินจากวิธี FCFF (WACC ที่ 11% และ Terminal Growth ที่ 2%) ได้เท่ากับ 82 บาท ซึ่งยังคงสูงกว่าราคาปัจจุบันจึงคงแนะนำ “ซื้อ”