วันสบายๆ ในกองบิน 5

วันสบายๆ ในกองบิน 5

ภายใต้ร่มเงามะพร้าวที่ปลูกกันเรียงราย ลมทะเลพัดเอื่อยๆ พอได้คลายร้อน ชายหาด ท้องทะเล และเกาะเบื้องหน้า...นี่หรือคืออ่าวมะนาว

ที่ที่ครั้งหนึ่งเคยเกิดการสู้รบกันแบบที่เรียกว่า สู้จนสุดใจ ของทหารในกองบิน 5 แห่งนี้


ในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา ทางฝั่งยุโรปก็รบกันไป แต่ทางเอเชีย ญี่ปุ่นที่เข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ ทำหนังสือมาขอผ่านทางประเทศไทยเพื่อไปพม่าและมาลายูที่อังกฤษยึดครองอยู่ แต่คงไม่ทันใจหรือรัฐบาลสมัยนั้น (จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรี) คงให้คำตอบช้า วันที่ 8 ธันวาคม 2484 พี่แกเลยมาลอยลำหลบอยู่หลังเขาล้อมหมวกเตรียมบุก(จริงๆ บุกไทยพร้อมกันหลายแห่งในวันเดียวกัน)


ทางฝ่ายเราก็บังเอิญว่าจะมีนายทหารไปเยี่ยมหน่วย เลยมีกำลังพลบางคนไปหาปลา เพื่อเตรียมมาทำอาหาร ก็ไปเห็นเรือญี่ปุ่นมาลอยลำอยู่แบบผิดสังเกตจึงไปแจ้งผู้บังคับการกองบิน 5 ยังไม่ทันจะทำอะไร ตีสี่ญี่ปุ่นก็ยกพลขึ้นที่อ่าวมะนาว อยู่ดีๆ กองทหารต่างชาติก็ยกกำลังเข้ามาในประเทศ ทหารจะทำอย่างไร ก็รบป้องกันอย่างชนิดที่เรียกว่า สุดใจขาดดิ้น ผืนแผ่นดินไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว ใครก็จะมาเอาไปไม่ได้ บรรพบุรุษของเราเอาเลือดเนื้อ รบพุ่ง สร้างบ้านเมืองมาให้เราจนทุกวันนี้ใครจะมาย่ำยีง่ายๆ ไม่ได้


กำลังพลของกองบิน 5 ขณะนั้นมีเพียง 127 คน ส่วนกำลังญี่ปุ่นมีเป็นสิบๆ เท่า อาวุธยุทโธปกรณ์ก็มากกว่า ทันสมัยกว่าเราเยอะ แต่กระนั้นญี่ปุ่นก็ขึ้นฝั่งได้อย่างยากลำบาก “ใครราน ใครรุกด้าว แดนไทย ไทยรบจนสุดใจ ขาดดิ้น” ส่วนของโคลงบทนี้ผมว่าคงสะท้อนภาพการรบป้องกันพื้นที่ของทหารกองบิน 5 ประจวบคีรีขันธ์ และยุวชนทหารที่เข้ามาช่วยในการรบในวันนั้นได้ดีที่สุด จนเข้าสู่เวลา 14.00 น. ของวันที่ 9 ธันวาคม 2458 คำสั่งของรัฐบาลไทยให้หยุดการสู้รบ และยอมให้ญี่ปุ่นยกกำลังผ่านได้


คำสั่งมาเอานาทีเกือบสุดท้าย เมื่อเราถอยร่นไปจนถึงเชิงเขาล้อมหมวก คนถือคำสั่งถูกยิงเสียชีวิต มีคนรับช่วงว่ายน้ำนำคำสั่งมาให้ นั่นแหละเสียงปืนจากการสู้รบที่กองบิน 5 อ่าวมะนาวจึงสงบลงท่ามกลางการสูญเสียของฝ่ายไทย 42 คน (ทหารอากาศ 38 นาย ตำรวจ 1 นาย ยุวชนทหาร 1 นาย และครอบครัวทหารอีก 2 คน) ฝ่ายญี่ปุ่นสูญเสีย 417 นาย นั่นเป็นวีรกรรมที่ทหารไทยในกองบิน 5 ได้ใช้เลือดทาแผ่นดินปกบ้านป้องเมือง สมคำปฏิญาณของทหาร


วันนี้กองบิน 5 คือพื้นที่ที่ผมอยากเชิญชวนให้ท่านผู้อ่านได้ไปเที่ยว ไปเยือนกัน เป็นหน่วยทหารที่น่าเที่ยวที่สุด เป็นมิตรที่สุดก็ว่าได้ เพราะที่ตั้งที่อยู่ติดทั้งอ่าวมะนาวและอ่าวประจวบ ความที่เป็นหน่วยทหาร ชายหาดของเขาเลยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้ว่ากระแสการท่องเที่ยวจะรุนแรงเพียงใดก็ตาม ผมว่าความสวยงามของชายหาดและท้องทะเลของอ่าวมะนาวเมื่อ พ.ศ. 2484 เป็นอย่างไร เดี๋ยวนี้ก็ยังคงเป็นแบบนั้น ชายหาดเงียบสงบ น้ำทะเลใส แนวมะพร้าว และสนทะเล ทำให้บรรยากาศร่มรื่น ผักบุ้งทะเลออกดอกสวยบนหาดทราย เรือประมงลำเล็กของชาวบ้านมาจอดหลบคลื่นลมเชิงเขาล้อมหมวกทางด้านเหนือ เป็นภาพและบรรยากาศที่ผมอยากชวนให้ได้มาเห็นกัน


อันที่จริงการมาเที่ยวกองบิน 5 แม้กระทั่งประจวบฯ เดี๋ยวนี้ง่ายมาก จะเอารถส่วนตัวมา มารถสาธารณะ รถตู้จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แทบจะส่งถึงโรงแรมในประจวบ เอาจักรยานมาปั่นเที่ยวก็น่าสนใจ ซึ่งผมว่าที่นี่น่าจะเป็นที่ที่ปั่นจักรยานเที่ยวได้ ทั้งสวยและได้ระยะทาง ที่พักในตัวเมืองประจวบมีเยอะแยะ ราคา 400-700 บาท อย่างดีเลย เพราะเมืองนี้เป็นเมืองสงบ ง่ายๆ ที่พักถึงไม่แพง


มาถึงตัวเมืองก็ใช้ถนนสละชีพที่เป็นถนนสายหลักในเมือง มุ่งหน้าลงใต้ผ่านโรงเรียนประจวบวิทยาลัย แวะเข้าไปหน่อยครับ ในโรงเรียนมีอนุสาวรีย์ยุวชนทหารของโรงเรียนประจวบวิทยาลัยที่เสียชีวิตร่วมกับทหารที่กองบิน 5 อ่าวมะนาวเมื่อครั้งญี่ปุ่นบุก เพียงถนนกั้นมีวัดเกาะหลัก ผ่านหน้าวัดเกาะหลักไปไม่กี่ร้อยเมตรก็ไปชนกับทางเข้ากองบิน 5 มีทหารรักษาการณ์ เข้าไปเลยครับ ไปจนถึงทางสามแยกคอนโดชมคลื่นของทหารที่เปิดให้คนภายนอกมาพักได้ สามแยกนี้ถ้าตรงไปจะพบย่านท่องเที่ยวของอ่าวมะนาว ตรงนี้จะมีร้านอาหาร ลานกางเต็นท์ แต่ละวันนักท่องเที่ยวไปกันมาก แล้วทางยังทะลุออกหลังกองบินไปบ้านคลองวาฬไปหว้ากอได้


ย้อนกลับมาตรงสามแยกคอนโดชมคลื่น เลี้ยวซ้ายเข้ามาจะเป็นถนนเลียบชายทะเล ผ่านสามกอล์ฟ ทางวิ่งของเครื่องบิน แล้วก็จะเข้าสู่บริเวณอุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 53 (อาจสงสัยว่าทำไมบางครั้งเป็นกองบิน 5 บ้าง กองบิน 53 บ้าง จริงๆ ก็ที่เดียวกัน แต่เปลี่ยนชื่อไปตามการจัดตั้งกำลังพลที่มีการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันเป็นกองบิน 5 แต่ตอนสร้างพิพิธภัณฑ์ยังเป็น กองบิน 53) เลี้ยวรถไปจอดในลานจอด แล้วเดินเที่ยวได้เลย


ในบริเวณเขาจะมีหินแกะสลักเล่าเรื่องราวการสู้รบครั้งนั้น มีอนุสาวรีย์วีรชนทหาร อาคารประวัติศาสตร์แต่ครั้งเกิดเหตุการณ์ซึ่งปัจจุบันเอามาทำเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวีรกรรมและเหตุการณ์ครั้งนั้นที่น่าสนใจมาก มีจุดที่ตั้งโต๊ะลงนามหยุดยิง แนวหาดที่ปะทะกันจนถึงขั้นตะลุมบอน เรียกว่าไปเห็นสถานที่จริงกันละ นอกนั้นทหารอากาศเขายังเอาเครื่องบินรุ่นเก่ามาตั้งโชว์อีกด้วย เดินเล่นไปได้จนถึงตีนเขาล้อมหมวก ที่นี่มีค่างแว่นเยอะมาก กับศาลเจ้าพ่อเขาล้อมหมวกให้ได้สักการะกัน และเป็นจุดเริ่มเดินเท้าขึ้นเขาล้อมหมวก ซึ่งผมการันตีเลยว่าเป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สวยมากที่หนึ่งในบ้านเราสวยจนบรรยายไม่ถูก เสียดายตอนนี้เขาปิดอยู่ ได้แต่ขอร้องท่านผู้การกองบิน 5 ว่าเปิดได้แล้วครับ คนเขาอยากขึ้นกัน ทุกปีเขาจะมีงานรำลึกวีรชน กองบิน 5 วันที่ 8 ธันวาคม ปีนี้เขาจะจัดงานช่วง 7-13 ธันวาคม 2558 ใครสะดวกก็เชิญเลยครับ


นอกจากทะเลที่นี่จะเงียบสงบ ทิวทัศน์ที่สวยงาม แม้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแต่จะหารถที่เปิดเครื่องเสียงดังลั่น นั่งดื่มเหล้า เล่นกีตาร์ ฯลฯ ไม่มีให้เห็น ทหารเขาให้เข้าไปเที่ยวได้ แต่ก็เป็นไปแบบสุภาพ ผมถึงบอกว่าหาที่เที่ยวที่มันเป็นธรรมชาติแบบนี้มีแทบไม่มีแล้วในบ้านเรา


มากองบิน 5 ที่เดียว จะได้ทั้งธรรมชาติที่สวยงาม สงบและสำนึกรักชาติ ถ้าบรรพบุรุษเราเห็นแก่ตัว จะไม่เกณฑ์ทหาร หรือคิดจะแบ่งประเทศเหมือนลูกหลานเลวๆ ที่คิดกัน บ้านไทยเมืองเราคงไม่อยู่มาถึงทุกวันนี้


มาเยือน มาเที่ยวกองบิน 5 ประจวบ แล้วคุณจะรักชาติขึ้นอีกเยอะ...