'พรเพชร'ยอมรับมีข่าววิ่งเต้นโยกย้ายในสภาฯ

'พรเพชร'ยอมรับมีข่าววิ่งเต้นโยกย้ายในสภาฯ

"พรเพชร" ยอมรับมีข่าววิ่งเต้นโยกย้ายในสภาฯ เหตุการแต่งตั้งยังไม่นิ่ง เชื่อหลังตั้ง "สายทิพย์" นั่งเก้าอี้เลขาสภาฯ ทุกอย่างเรียบร้อย

ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกรณีที่นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ามีการวิ่งเต้นแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งภายในสภาผู้แทนราษฎรว่า ที่ผ่านมาตำแหน่งยังไม่นิ่ง เพราะเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเป็นเพียงแค่รักษาการเท่านั้น การวิ่งเต้นจึงเป็นเรื่องธรรมดา แต่หลังจากที่แต่งตั้งนางสายทิพย์ เชาวลิตถวิล เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของเลขาฯ ที่จะทำทุกอย่างให้เรียบร้อยตามวิธีปฏิบัติและขั้นตอนของรัฐสภา ส่วนที่มองว่าการแก้ไขปัญหาทุจริตของรัฐสภาล่าช้านั้น ตนไม่มีอำนาจสั่งการโดยตรง ทำได้เพียงแค่สั่งการเลขาฯดำเนินการเท่านั้น ไม่สามารถล้วงลูกได้  

นายพรเพชร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีก่อสร้างรัฐสภาใหม่ ที่มีการพาดพิงว่าตนได้พูดเอื้อประโยชน์แก่เอกชนผู้รับเหมาก่อสร้างนั้น ขอยืนยันว่าตนไม่เคยกล่าวทำนองนั้น ที่ผ่านมาตนพูดยึดตามหลักการและตั้งอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศเสมอ ส่วนประเด็นเรื่องค่าโง่นั้น ต้องขอชี้แจงว่าตนไม่ใช่คนโง่ และตลอดระยะเวลา 35 ปี ที่เป็นผู้พิพากษาก็ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ตลอดมา ไม่เคยถูกร้องเรียนแม้แต่ครั้งเดียว ดังนั้นจึงขอให้นายวิลาศและประชาชนเข้าใจ ว่าตนไม่มีอำนาจสั่งการ เพียงแต่ควบคุมการทำงานเท่านั้น

สำหรับการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ที่ล่าช้า จนต้องขอต่อสัญญาขยายระยะเวลาก่อสร้างนั้น นายพรเพชร กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบและยังไม่เห็นรายละเอียดเรื่องดังกล่าว อีกทั้งไม่มีใครปรึกษาเรื่องนี้กับตน เพราะเป็นหน้าที่เลขาธิการสภาฯ ตนไม่สามารถพูดอะไรได้เพราะจะเป็นการชี้นำ ทั้งนี้เรื่องบทลงโทษกับผู้ที่มีส่วนทำให้ต้องขยายระยะเวลา ตนไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นรายงานการสอบสวนเอกสารลับ ซึ่งผู้รับผิดชอบอาจจะถูกลงโทษตามวินัยฐานละเว้นหน้าที่บางประการ อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างรัฐสภาก็ได้ 

นายพรเพชร กล่าวอีกว่า เรื่องการขยายเวลาจะต้องเป็นการตกลงร่วมกัน ทั้งนี้เราได้จ้างบริษัทที่ปรึกษา ซึ่งตนพูดไม่ได้ว่าจะต้องขยายระยะเวลาเป็นกี่วัน เพราะความล่าช้าที่เกิดขึ้นอาจจะไม่ได้เกิดจากการกระทำผิด แต่อาจจะมาจากเหตุสุดวิสัยหรือปัจจัยอื่น โดยบริษัทที่ปรึกษาก็ต้องคำนวณว่าควรจะต่อเวลากี่วัน จะมโนเองไม่ได้ ส่วนการเรียกร้องค่าเสียหายไม่ใช่ประเด็นใหญ่ เพราะเมื่อ 2 ฝ่ายยินยอมให้มีการต่อสัญญา ก็คงไม่มีการเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ทั้งนี้ตนคาดหวังว่าการก่อสร้างรัฐสภาจะเสร็จในสมัยที่ตนยังดำรงตำแหน่งอยู่ แต่ก็ต้องขึ้นกับกระบวนการเจรจา ถ้าไม่สำเร็จแล้วมีการเรียกร้องค่าเสียหาย ตนก็มีสิ่งที่จะต้องดำเนินการเพื่อรักษาผลประโยชน์ของรัฐ 

ส่วนที่นายวิลาศ ได้กล่าวถึงกรณีการสร้างอาคารเรียนเฉลิมพระเกียรติฯ สำหรับนักเรียนชาวไทยภูเขา และโรงเรียนขาดแคลน ที่ดำเนินงานโดยสภาผู้แทนราษฎร นายพรเพชร กล่าวว่า จากข้อมูลทราบว่า การก่อสร้างโรงเรียนดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นไปตามโครงการเฉลิมพระเกียรติ โดยรัฐสภาได้รับงบประมาณให้ก่อสร้าง และได้ประสานงานให้ 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.), สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาพื้นฐาน (สพฐ.) และตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ดูแล ซึ่งงบการก่อสร้างก็เป็นไปตามงบประมาณกำหนด ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่ามีการทุจริตหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่จะต้องไปตรวจสอบดูอีกที