“น้ำ” เปลี่ยนชีวิต

“น้ำ” เปลี่ยนชีวิต

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ยุคนี้ผู้คนหันมาออกกำลังกายกันมากขึ้น และประเภทของการออกกำลังกายก็ดูจะกว้างขวางมากขึ้นด้วย

แอโรบิกในน้ำ (Aqua Exercise) แม้จะเป็นการออกกำลังกายที่มีมานาน แต่ก็ยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายนัก เพราะเดิมนั้นใช้ฟื้นฟูสุขภาพอยู่ในเฉพาะวงการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการรักษานักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บ ผู้สูงวัยที่มีปัญหาเรื่องข้อต่างๆ หรือหญิงตั้งครรภ์ แต่ปัจจุบันแอโรบิกในน้ำกำลังได้รับความสนใจจากผู้คนในวงกว้าง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงวัยที่มีปัญหาสุขภาพ


แน่นอนว่า ประเทศไทยกำลังจะได้ชื่อว่าเป็น “สังคมผู้สูงวัย” อย่างเต็มตัวแล้ว เมื่อประชากรของผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี แตะขึ้นไปอยู่ที่เลข 10 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 14 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า คือราวปี 2568 ไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society)


การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุส่งผลกระทบใหญ่ในระดับมหภาค โดยเฉพาะถ้าสัดส่วนของผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้มีจำนวนมากกว่าผู้สูงวัยที่แข็งแรง ภาระในการเลี้ยงดูก็จะเพิ่มขึ้น


มีผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยที่พยายามดูแลตัวเอง และสามารถเป็นต้นแบบของผู้สูงวัยที่คุณภาพได้ ซึ่งการดูแลตัวเองให้แข็งแรงของผู้สูงวัยกลุ่มหนึ่งนั่นก็คือการเต้นแอโรบิกในน้ำ


“คนที่มาเต้นแอโรบิกในน้ำกับเราอันดับหนึ่งคือผู้สูงวัย เพราะน้ำหนักตัวเกิน มีปัญหาเรื่องข้อเข่าอักเสบ คือเดินบนบกแล้วรู้สึกปวด เนื่องจากน้ำหนักตัวที่เรียกว่า over weigh แต่พอมาอยู่ในน้ำ น้ำจะช่วยซับพอร์ตและทำให้ตัวเราเบาขึ้น โดยที่ไม่เกิดการบาดเจ็บ เมื่อออกกำลังกายแบบนี้บ่อยๆ กล้ามเนื้อก็จะแข็งแรง เอ็นข้อต่อต่างๆ ก็ดีขึ้น เขาก็จะเดินเหินได้ ชีวิตก็กลับมาปกติ” บุญฤทธิ์ ปิ่นทับทิม ครูสอนแอโรบิกในน้ำ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท บุญฤทธิ์เทรนนิ่งเซ็นเตอร์ จำกัด กล่าว


บุญฤทธิ์ หรือที่ทุกคนเรียกว่า ครูฤทธิ์ จบการศึกษาปริญญาตรีวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬา จากมหาวิทยาลัยมหิดล และปริญญาโท สาขาบริหารการศึกษา จากมหาวิทยาลัยบูรพา ซึ่งครูบอกว่า แอโรบิกในน้ำเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยในเรื่องของการลดแรงกระแทก และเพิ่มความแข็งแรงของเอ็น ข้อต่อ รวมถึงกล้ามเนื้อต่างๆ ไปพร้อมๆ กัน นอกจากนี้ยังเป็นกิจกรรมที่ลดความตึงเครียดภายในจิตใจเพราะใช้จังหวะของเสียง ดนตรี


“ผมทำงานวิจัยร่วมกับอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยมหิดล อาจารย์เขาอยากทำงานวิจัยเกี่ยวกับดนตรีบำบัด ส่วนผมก็ต้องทำงานวิจัยเกี่ยวกับการเต้นของผมกับดนตรี คือเวลาที่ผมเต้นผมจะดึง emotion ของดนตรีออกมาเต้น เพื่อถ่ายทอดให้คนมีอารมณ์ร่วมกับเรา อาจารย์ก็คิดตรงกัน อาจารย์หาคนเต้นไม่ได้ เพราะเขาอยากได้เพลงสุนทราภรณ์ ผมบอกผมเต้นได้หมด ได้ทุกเพลง ผมก็คิดท่าเต้นให้เขา ก็ทำออกมามันก็เป็น positive คือกลุ่มผู้สูงวัยประมาณ 50-60 คนที่เป็น subject แล้วผลการวิจัยก็ออกมาในเชิงบวก คือผู้สูงวัยกลุ่มนี้แข็งแรงขึ้น ทั้งๆ ที่เป็นกลุ่มที่ออกกำลังกยอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ออกกำลังกายตามโปรแกรม แต่พอมาเต้นแอโรบิกในน้ำที่เป็นโปรแกรม คือมาเต้นอาทิตย์ละ 3 วัน กลับทำให้เขาสุขภาพดีขึ้น มีอารมณ์ดีเพราะได้ฟังเพลงที่เขาชอบ เป็นเพลงที่อยู่ในช่วงวัยของเขา”


ประโยชน์ของแอโรบิกในน้ำมีมากมายเหมือนการออกกำลังกายทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเผาผลาญไขมันในร่างกายที่เป็นส่วนเกิน, ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง สูบฉีดเลือดได้ดี, เสริมสร้างความแข็งแรงกล้ามเนื้อเอ็น และข้อต่อ, ลดปริมาณน้ำตาลในเลือด, ชะลอความแก่, นอนหลับสบาย, ผ่อนคลายความตึงเครียด, ลดการติดของข้อต่อต่างๆ ส่วนสตรีมีครรภ์จะคลอดบุตรง่าย ทำให้ทารกแข็งแรงและพัฒนาการที่ดี


ครูฤทธิ์ บอกว่า คุณสมบัติของน้ำคือช่วยพยุงร่างกายให้อยู่ในสภาพไร้น้ำหนักและลดแรงกดในแนวดิ่ง หรือแรงกระแทก ช่วยผ่อนภาระการรับน้ำหนักตามข้อต่อต่างๆ ได้ดี นอกจากนี้น้ำยังมีแรงต้านการเคลื่อนไหว เมื่อเต้นแอโรบิกในน้ำจะรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าเพราะแรงต้าน แต่ความจริงเป็นการใช้กล้ามเนื้ออย่างหนัก และน้ำก็ช่วยระบายความร้อนด้วยจึงไม่รู้สึกเหนื่อย


“เป้าหมายของการจัดโปรแกรมการเต้นแอโรบิกในน้ำคือเพื่อพัฒนาศักยภาพของกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง ซึ่งหัวใจถือเป็นเซ็นเตอร์ เป็นตัวปั๊มสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกาย พอผนังหัวใจหนาขึ้นก็แข็งแรง สูบฉีดเลือดไปได้ไกล เช่นที่ปลายนิ้ว บางคนจะมีอาการปลายนิ้วชา ซึ่งตรงนี้เลือดไปเลี้ยงระบบประสาทไม่เพียงพอ แต่พอเราออกกำลังกายด้วยแอโรบิกในน้ำก็จะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น”


ครูฤทธิ์บอกว่า การเต้นแอโรบิกในน้ำควรทำอย่างต่อเนื่องสัปดาห์ละ 3 วัน และเมื่อผ่านไป 3 เดือนจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน
“พื้นฐานของการออกกำลังกายของคนสูงวัยอยู่ในระยะเวลา 3 เดือน คนกลุ่มนี้ที่มาออกกำลังกายสัปดาห์ละ 3 วัน ต่อเนื่อง 3 เดือน เขาจะกลับมามีชีวิตปกติ แล้วพอเขาใช้ชีวิตได้ปกติ เขาก็จะสามารถกลับไปทำงานได้ จะไม่เป็นภาระของสังคมหรือลูกหลาน 3 เดือนจึงเป็นระยะฟื้นฟูที่สามารถทำให้ดีขึ้นได้”


และเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ครูฤทธิ์จึงจัดโครงการแอโรบิกในน้ำ 109 ชีวิต กับ 99 วันเพื่อพ่อหลวง โดยรับสมัครผู้ป่วยและผู้สูงวัยเข้าร่วมโปรแกรมเต้นแอโรบิกในน้ำตลอดระยะเวลา 99 วัน จำนวน 109 คน เป็นโครงการการกุศลที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น


“เราอยากดูแลคนที่ป่วยให้เขาหายป่วย เพื่อให้กุศลของการหายป่วยส่งผลให้พระองค์ท่านมีพระชนมายุยืนยาว ซึ่งเราเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2558 เป็นต้นไปอีก 99 วัน ซึ่งตอนนี้มีมีผู้ป่วยที่มีปัญหาน้ำหนักเกิน ความดัน เบาหวาน ข้อเข่าเสื่อม ปวดหลัง จากโรงพยาบาลกระทุ่มแบน รวมตัวกันมาได้ 50 คน เราก็เปิดคลาสสอนให้เขา ซึ่งคลาสที่เราจัดมีทั้ง 7 วัน ในส่วนของโรงพยาบาลกระทุ่มแบนมีคลาส อังคาร พฤหัส เสาร์ อาทิตย์ ซึ่งเป้าหมายของเราคือต้องการคนที่ป่วยจริงๆ แล้วไม่มีงบประมาณมาร่วมกิจกรรม”


นอกจากนี้ครูฤทธิ์ยังมีสอนแอโรบิกในน้ำให้ผู้สูงวัยในบ้านบางแคโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งครูฤทธิ์มองว่า น้ำช่วยรักษาผู้ป่วยได้จริงๆ ซึ่งถ้าผู้ป่วยสามารถออกกำลังกายโดยไม่บาดเจ็บได้ ก็จะทำให้สุขภาพดีขึ้นอย่างแน่นอน


“บ้านพักคนชราหลายๆ ที่ควรมีสระว่ายน้ำแบบนี้ เพราะเมืองนอกมี ซึ่งมันจะช่วยตัดตอนคนแก่นั่งวีลแชร์ที่สุดท้ายไปนอนติดเตียงได้ ถ้าคุณไม่ออกกำลังกายก็จะเป็นแบบนี้ ผมมองว่ามันน่าทำ ทำไม่ต้องกว้างมาก แค่ 10-20 เมตรก็พอ ใช้พื้นที่ไม่เยอะ แต่จะทำให้คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุดีขึ้น”


แน่นอนว่า สุขภาพดีเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่ว่าจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้นอยู่ที่การปฏิบัติตัวของแต่ละคน ผู้สูงวัยเองก็เช่นกัน


.........................


หมายเหตุ : สอบถามรายละเอียดโครงการแอโรบิกในน้ำ 109 ชีวิต กับ 99 วันเพื่อพ่อหลวง ได้ที่ครูฤทธิ์-บุญฤทธิ์ ปิ่นทับทิม โทรศัพท์ 08 6317 8759 หรือ facebook : Aquarit Thailand