“ออคโต้ ไซคลิ่ง” ทัวร์จักรยานในต่างแดน

“ออคโต้ ไซคลิ่ง” ทัวร์จักรยานในต่างแดน

พวกเขาชอบท่องเที่ยวและผจญภัย เลยแปลงความชอบมาเป็นธุรกิจ "ทัวร์จักรยาน" เปิดโลกการท่องเที่ยวแนวใหม่ ให้คนไทยได้ไปปั่นสองล้อท่องโลก

ตลาดจักรยานยังโตคึกคัก ดูได้จากจำนวนผู้ใช้ที่เติบโตขึ้นเท่าทวี โดยมูลค่าตลาดจักรยานในปี 2557 อยู่ที่ ประมาณ 6 พันล้านบาท ขณะคาดการณ์ว่า ในปีนี้ตลาดจะโตไม่ต่ำกว่า 10-15% ตลาดที่โตตามกันมา ก็คือ ผู้ใช้จักรยานเพื่อการท่องเที่ยวที่มีอยู่ถึงประมาณ 3.5 แสนคน เติบโตขึ้นประมาณ 30% และสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวด้วยจักรยานโดยรวมอยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านบาท! (ที่มา: เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ ผู้จัดงาน BANGKOK BIKE)

นี่คือโอกาสหวานๆ ในตลาดสองล้อเงินล้าน ที่แจ้งเกิดผู้เล่นน้องใหม่ “ออคโต้ ไซคลิ่ง” ผู้ให้บริการทัวร์จักรยานในต่างแดน เพื่อลูกค้าคนไทยโดยเฉพาะ

ไอเดียธุรกิจของ “แอ้ม-นันทพล ไข่มุกด์” กรรมการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ออคโต้ ไซคลิ่ง จำกัด เขาคือผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ลิตเติ้ล เวิลด์ จำกัด ที่สร้างและบริหารงาน “Tree Top Adventure Park” สวนสนุกบนต้นไม้ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 8 ปีก่อน ผู้เปิดโลกกิจกรรมท่องเที่ยวเอ้าท์ดอร์สุดคูล อย่าง โหนสลิง, ปั่นจักรยานบนอากาศ, โดดทาร์ซาน, สเก็ตบอร์ดลอยฟ้า และสารพัดกิจกรรมสนุกๆ ที่คอยสนองใจนักท่องเที่ยว อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำอย่าง เกาะช้าง, พัทยา, กระบี่ และกาญจนบุรี

ทั้งสองธุรกิจมีจุดเริ่มต้นไม่แตกต่าง นั่นคือมาจากความชื่นชอบส่วนตัวของเขา

“แบคกราวน์ผมชอบท่องเที่ยวอยู่แล้ว โดยเฉพาะกิจกรรมเอ้าท์ดอร์ ผมชอบปั่นจักรยาน และการท่องเที่ยวผจญภัย”

เขาบอกความชอบที่ก่อเกิดเป็นธุรกิจสวนสนุกบนต้นไม้ จนมาถึงทัวร์จักรยานซึ่งเริ่มให้บริการไปเมื่อ 1 ปีก่อน จากจุดเล็กๆ หอบหิ้วจักรยานไปปั่นเล่นที่ญี่ปุ่น ได้ออกสำรวจเส้นทางด้วยตัวเอง จากนั้นก็ชวนเพื่อนๆ มาร่วมแจมด้วย เมื่อเสียงส่วนใหญ่บอกว่า “ชอบ” เลยขยายเป็นผู้ร่วมทริปที่เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จนได้มาเจอหุ้นส่วนซึ่งจัดทัวร์จักรยานใน AEC อยู่แล้ว เลยรวมตัวเป็น ออคโต้ ไซคลิ่ง 

ธุรกิจแรก เขาร่วมหุ้นกับคนฝรั่งเศส ธุรกิจใหม่ก็ยังไม่เลือกทำงานคนเดียว แต่มีหุ้นส่วนช่วยหนุนเสริมธุรกิจ

“ผมมองว่า เราต้องนำเอาทักษะที่เป็นจุดเด่นของแต่ละคนมารวมกัน เพราะว่าทักษะเดียว หรือจุดเด่นเดียวนั้น ไม่เพียงพอที่จะสร้างธุรกิจ หรือช่วยให้การทำงานสมบูรณ์ได้” เขาบอกความเชื่อ

เลยเลือกนำทักษะของตัวเอง อย่างการชอบทำสิ่งใหม่ ชอบการเดินทางที่แตกต่างจากคนอื่น เห็นช่องว่างในตลาดเฉพาะกลุ่มไม่ใช่แค่การท่องเที่ยวกระแสหลัก บวกความสามารถที่พูดได้ถึง 3 ภาษา คือ อังกฤษ ฝรั่งเศส และภาษาไทย มีทักษะในการสื่อสาร และเข้าใจตลาดเมืองไทย จากนั้นก็มาผสานกับหุ้นส่วน ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจ ทั้งการทำทัวร์จักรยานในต่างแดน และคนที่มีความรู้เรื่องเทคนิคในการท่องเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์ ผสมลงตัวจนเกิดเป็นธุรกิจใหม่

พวกเขาเชื่อในความแตกต่าง ลองย้อนไปเมื่อ 8 ปีก่อน บริษัทในไทยที่ทำสวนสนุกบนต้นไม้รวมพวกเขาก็มีอยู่แค่ 2 เจ้า แม้วันนี้ก็ยังมีผู้เล่นแค่ไม่กี่เจ้า ส่วนทัวร์จักรยานในต่างแดน ที่รับเฉพาะลูกค้าคนไทย ก็ยังไม่มีคนทำในบ้านเรา ทั้งหมดเกิดจากความคิดที่เจ้าตัวบอกว่า ถ้าจะหาธุรกิจอะไรมาทำ ก็ต้องมั่นใจว่า “แตกต่างจากคนอื่น”

“ผมไม่ต้องการไปอยู่ในตลาดที่มีคนทำเยอะอยู่แล้ว เข้าไปแล้วเราจะทำอย่างไร ถ้าไม่ใช่สิ่งที่จะสู้คนอื่นได้” เขาบอก

หนึ่งผลผลิตจากความคิดต่าง คือ ทริปท่องเที่ยวโดยจักรยาน ที่จะพานักปั่นคนไทยออกไปสำรวจโลกด้วยสองล้อคู่ใจ โดยเริ่มที่ประเทศในเอเชีย อย่าง ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเพื่อนบ้านอาเซียน ก่อนขยายเป้าหมายใหม่ไปเรื่อยๆ
ใครว่าทัวร์จักรยานไม่น่าสนใจ หรือคงจะทำเงินได้ไม่มาก ลองฟังคำตอบจากคนในสนาม

“เรามุ่งเจาะตลาดกลางถึงบน เพราะคนที่จะไปต่างประเทศได้นั้นต้องมีกำลังซื้อพอสมควร และการท่องเที่ยวโดยจักรยานต้นทุนจะสูงกว่าการเที่ยวต่างประเทศทั่วไปด้วย” เขาบอก

ที่ต้องแพงกว่า เพราะมีต้นทุนในการบริการ และบริหารจัดการ อย่าง ต้องมีรถเซอร์วิส ที่จะคอยขนสัมภาระให้ ต้องมีไกด์ท้องถิ่น มีล่าม มีทีมงานที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด กระทั่งมีทีมช่างที่สามารถดูแลจักรยานได้ตลอดเส้นทาง

โดยเรตราคามีตั้งแต่หลักพันไปจนหลักหมื่น ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน เริ่มจากเพื่อนบ้านใกล้ๆ ไป 3 วัน 2 คืน ก็สตาร์ทที่ 3 พันบาทขึ้นไป ไกลหน่อยก็หลายพัน ไปจนถึงทริปไกลๆ อย่าง ญี่ปุ่น 5 วัน 4 คืน คิดที่ประมาณ 6-7 หมื่นบาท ส่วนไต้หวัน “เดสติเนชั่น” ยอดนิยมของคนนักปั่นคนไทย ก็คิดไม่เกิน 5 หมื่นบาท

แต่ละทริปรับจำนวนจำกัดไม่เกิน 20 คน เพื่อการดูแลที่ทั่วถึง น้อยสุดก็ประมาณ 6 คน รับได้ทั้งนักท่องเที่ยวทั่วไป มาเป็นกลุ่ม หรือองค์กรจะมาทำกิจกรรมทีมบิลดิ้ง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศจำเจๆ ก็สามารถใช้บริการของพวกเขาได้

ตลาดใหม่ยังมีโอกาส แต่ทำธุรกิจในวันนี้เขายอมรับว่า “ไม่ง่าย” เพราะนอกจากโจทย์ด้านการตลาดที่ต้องขยันคิด เพื่อสร้างฐานลูกค้าป้อนธุรกิจไปเรื่อยๆ แล้ว ยังต้องรับมือกับโจทย์ด้านเศรษฐกิจ และสถานการณ์ไม่คาดคิดในประเทศ ที่อาจฉุดลูกค้านักท่องเที่ยวให้หายวับไปได้ เขายกตัวอย่าง สวนสนุกบนต้นไม้ ที่มีลูกค้าต่างชาติ 70-80% ซึ่งกว่าครึ่งในนั้นคือลูกค้ารัสเซีย แน่นอนว่าพอรัสเซียเกิดวิกฤติ ก็ฉุดให้ลูกค้ากลุ่มนี้หายไปเกือบครึ่ง รายได้รวมลดลงถึงประมาณ 30% หลังจากนั้นได้ลูกค้าจีนมาทดแทน แต่พอเกิดระเบิดราชประสงค์คนจีนก็เงียบหาย ซ้ำเติมธุรกิจเข้าไปอีก ทำให้ต้องเร่งปรับตัว ด้วยการสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกค้าในแต่ละชาติให้มากขึ้น

รวมถึงแผนการทำงานกับพาร์ทเนอร์กลุ่มใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งด้านการพัฒนาบริการใหม่ๆ ตลอดจนสนับสนุนด้านการขาย เช่น จับมือกับบัตรเครดิตเคทีซี เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์ และเพิ่มช่องทางการชำระเงิน รวมทั้งการทำกิจกรรมร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อต่อยอดหนทางทำเงินในวิกฤติให้กับพวกเขา

ถามถึงโอกาสในธุรกิจท่องเที่ยวแนวแอดเวนเจอร์ คนทำบอกเราว่า ตลาดนี้ยังคงเติบโต แต่คนที่จะเข้ามาทำได้นั้น ต้องมีความพร้อมมากกว่าเมื่อก่อนมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ มาตรฐานความปลอดภัย ความเป็นมืออาชีพ และอื่นๆ ที่สำคัญต้องไม่ใช่การเข้ามาเพื่อ “ฉวยโอกาส” แต่ต้องมองการทำธุรกิจในระยะยาว และต้องมีความรับผิดชอบสูงมากในธุรกิจนี้

“หัวใจสำคัญคือต้องมีระบบความปลอดภัยที่ดี ตั้งแต่เริ่มต้นเลย โดยเราต้องไม่ฉาบฉวยในเรื่องของการสร้างฐานกิจกรรม ต้องมีการควบคุมการสร้าง มีเจ้าหน้าที่ที่รู้วิธีการอย่างแท้จริง มีการสื่อสารทำความเข้ากับลูกค้า ขณะที่ต้องเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องเทคโนโลยี อุปกรณ์ การสร้าง การเทรนพนักงาน และการให้บริการลูกค้า เหล่านี้คือหัวใจของธุรกิจ”

ธุรกิจสวนสนุกบนต้นไม้ ทำรายได้ที่ประมาณ 30 ล้านบาท ต่อปี ส่วน ทัวร์จักรยาน เขาบอกว่าแม้เพิ่งเริ่มต้น แต่ก็มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง และแต่ละทริปก็สร้างรายได้ที่หลักแสนบาท

สะท้อนโอกาสใหม่ๆ ของธุรกิจท่องเที่ยวแนวผจญภัย ที่ไม่ได้มีให้ทำแค่ในไทย แต่ไปได้ทั่วโลก

“”””””””””””””””””””””””””””
Key to success
สูตรแจ้งเกิดธุรกิจท่องเที่ยวแอดเวนเจอร์

๐ เริ่มจากความชอบ และรู้จริงในธุรกิจ
๐ เติมเต็มจุดอ่อน ด้วยหุ้นส่วนที่เก่งในแต่ละเรื่อง
๐ ทำธุรกิจที่แตกต่าง ไม่เล่นในสนามเรดโอเชียน
๐ ก่อนทำธุรกิจต้องทำการบ้าน รู้ตลาดก่อนลงสนาม
๐ พัฒนาธุรกิจต่อเนื่อง ไม่หยุดนิ่ง
๐ ทำการตลาดผ่านช่องทางที่ถูกต้อง เข้าถึงลูกค้าตัวจริง