คุก103ปี 'โจฮันเนส'ฟอกเงินค้ายา กว้านซื้อทรัพย์สินในไทย100ล.

คุก103ปี 'โจฮันเนส'ฟอกเงินค้ายา กว้านซื้อทรัพย์สินในไทย100ล.

ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 103 ปี "โจฮันเนส" ชาวดัตช์ ฟอกเงินค้ายา กว้านซื้อทรัพย์สินในไทยกว่า 100 ล้าน ส่วนเมียไทย เจอคุก 13 กระทง 12 ปี

เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีฟอกเงิน หมายเลขดำ อ.3423/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายโจฮันเนส เพทรุส มาเรีย ฟาน ลาร์โฮเวน (Mr.Johnnes Petrus Maria van laarhoven) อายุ 55 ปี สัญชาติเนเธอร์แลนด์ และนางมิ่งขวัญ ฟาน ลาร์โฮเวน หรือแก่นอินทร์ อายุ 33 ปี ภรรยาชาวไทย เป็นจำเลยที่ 1-2ในความผิดฐานฟอกเงินซึ่งได้มาจากการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามความผิด พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3,5,6,7,60 และพ.ร.บ. ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ศ. 2556

ตามฟ้องอัยการโจทก์ วันที่ 16 ต.ค.57 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 3 ก.ค.51 - 2 มิ.ย.57 จำเลยทั้งสองกับพวกอีกหลายคนที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ร่วมกันฟอกเงินโดยสั่งการให้บริษัทเดฟตี้ โฮลดิ้ง จำกัด (Deefety Holdings LTD.) ที่จดทะเบียนไว้ในประเทศไซปรัสให้โอนเงินซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเข้าบัญชีของจำเลยที่ 1 ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาถนนเลียบชายหาดจอมเทียนพัทยา มูลค่า 5 แสนยูโร ซึ่งเป็นการรับโอนเปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิดยาเสพติด และตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย.52 จำเลยทั้งสองกับพวกยังร่วมกันโอนเงินผ่านระบบสื่อสารด้านการเงินระหว่างประเทศในรูปแบบรหัสธนาคาร หรือ SWIFT จากดอยซ์แบงก์ ประเทศเยอรมนี โดยมีธนาคารเอ็ดมอนด์ เดอ รอธไชลด์ ยุโรป ลักเซ็มเบิรก และธนาคารจูเลียส แบร์ ประเทศสิงคโปร์ เป็นสถาบันผู้สั่งโอนเงินหลายครั้งมูลค่าหลายล้านยูโร เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยฯ สาขาพัทยาใต้ ของจำเลยที่ 1 นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 19 มิ.ย.52 จำเลยทั้งสองกับพวกยังร่วมกันนำเงินที่ได้มาจากการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดไปซื้อที่ดินหลายแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างในจังหวัดชลบุรี โดยมีบริษัทที่จำเลยกับพวกร่วมกันจดทะเบียนจัดตั้งเป็นผู้ทำนิติกรรมและถือครองทรัพย์สินแทน เพื่อใช้ในการกระทำผิดฐานฟอกเงิน รวมทั้งยังซื้อเรือยอร์ช 2 ลำ รถยนต์ยี่ห้อพอร์ช และรถยนต์นั่งขนาด 7 คน ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินมีมากกว่าหลายร้อยล้าน 

โดยเมื่อวันที่ 23 ก.ค.57 เจ้าพนักงานจับกุมตัวจำเลยทั้งสองได้ ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นความผิดเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร อัยการสูงสุดจึงได้มอบหมายให้พนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวนรับผิดชอบสอบสวนดำเนินคดีจำเลยทั้งสองและเครือข่ายฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 สำหรับความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติได้แยกสำนวนการสอบสวนออกไป เนื่องจากรัฐบาลเนเธอร์แลนด์มีความประสงค์จะขอดำเนินคดีจำเลยกับพวกต่อในประเทศเนเธอร์แลนด์ เหตุเกิดที่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และที่อื่นเกี่ยวพันกัน จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีมาโดยตลอด

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบ หักล้างกันแล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรม โดยให้จำคุกนายโจฮันเนส จำเลยที่ 1 รวม 43 กระทงเป็นเวลา 103 ปี ส่วนนางมิ่งขวัญ ภรรยา จำเลยที่ 2 จำคุก 13 กระทงเป็นเวลา 18 ปี

ขณะที่คำให้การและทางนำสืบของจำเลย เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ศาลเห็นควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกนายโจฮันเนส จำเลยที่ 1 ไว้ 68 ปี 8 เดือน แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้วให้จำคุกจำเลยที่ 1 สูงสุดตามกฎหมายเป็นเวลา 20 ปี ส่วนนางมิ่งขวัญ จำเลยที่ 2 คงจำคุก 12 ปี ส่วนความผิดฐานอื่นให้ยก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้วจำเลยทั้งสอง ถูกควบคุมตัวไปคุมขังที่เรือนจำ สำหรับนายโจฮันเนส และนางมิ่งขวัญ ภรรยานั้น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 57 ทางการไทยได้ประสานเจ้าหน้าที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และกระทรวงยุติธรรม ร่วมกันตรวจค้นจับกุมนายโจฮันเนส และนางมิ่งขวัญ ภรรยา จากบ้านพักเนื้อที่ 2 ไร่เศษ ในสนามกอล์ฟฟินิกซ์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ยึดเงินสด เครื่องประดับในตู้เซฟ พร้อมสมุดบัญชีธนาคารของนางมิ่งขวัญ รวมทั้งที่ดินอีกหลายแปลงซึ่งอยู่ในสนามกอล์ฟดังกล่าว และสำเนาโฉนดที่ดินจำนวน 8 แปลง เอกสารการเป็นเจ้าของรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ และพอร์ช อีก 5 คัน หนังสือเดินทาง 5 เล่ม สัญญาซื้อขายตึกแถว 1 ห้องใน จ.สมุทรปราการนอกจากนี้ ยังมีอาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อบาร์เร็ตตา ที่จดทะเบียนในนามของนางมิ่งขวัญ จำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุน 159 นัด รวมมูลค่าทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท ที่ได้จากการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในประเทศเนเธอร์แลนด์ แล้วส่งเงินที่กระทำผิดมาฟอกเงินโดยการกว้านซื้อทรัพย์สินต่างๆ