DRT คาดผลงานครึ่งปีหลังฟื้นตัวดีกว่าปีก่อน

DRT คาดผลงานครึ่งปีหลังฟื้นตัวดีกว่าปีก่อน

"ผลิตภัณฑ์ตราเพชร" คาดผลงานครึ่งปีหลังปียี้เติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามทิศทางตลาดในประเทศที่ฟื้นตัว

นายสาธิต สุดบรรทัด กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) คาดว่าภาพรวมของผลการดำเนินงานในครึ่งหลังปีนี้ จะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังแนวโน้มตลาดวัสดุก่อสร้างในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย จากการที่ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเพื่อให้ประชาชนเกิดการจับจ่ายใช้สอยและการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์

ขณะที่แนวทางทำตลาดของ DRT นั้นจะเน้นชูสินค้าที่หลากหลายครบครันสามารถก่อสร้างที่อยู่อาศัยได้ทั้งหลังเพื่อนำเสนอให้แก่ผู้บริโภค ผ่านช่องทางขายร้านค้าวัสดุก่อสร้างรายย่อย ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์พร้อมการให้บริการทีมช่างที่มีความเชี่ยวชาญ พร้อมกับยังมุ่งเสริมความแข็งแกร่งของตลาดส่งออก

สำหรับภาพรวมของผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 272.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่รายได้อยู่ที่ 3,256.32 ล้านบาท ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอันเป็นผลมาจากภาวะตลาดค่อนข้างชะลอตัวและการแข่งขันที่รุนแรง จึงหันมาเน้นทำตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านให้มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าปีนี้มีการเติบโตเป็นเลข 2 หลักและทำให้บริษัทสามารถรักษาอัตราการใช้กำลังการผลิตสินค้าให้อยู่ใกล้เคียงที่ระดับ 80% ของกำลังการผลิตทั้งหมด 982,000 ตัน

ส่วนในไตรมาส 3/58 มีกำไรสุทธิ 67.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.50% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากการบริหารจัดการด้านต้นทุนผลิตสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันการดำเนินงานด้านการตลาดที่ได้ปรับ Product Mix โดยเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์ที่เน้นอัตราการทำกำไรขั้นต้นที่ดี ประกอบกับต้นทุนพลังงานที่ลดลงจึงช่วยส่งเสริมให้บริษัท สามารถรักษาอัตราการเติบโตของกำไรได้

"เราพอใจกับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ แม้ว่าภาพรวมตลาดจะชะลอตัวจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลงและการแข่งขันขันที่รุนแรงส่งกระทบต่อตัวเลขยอดขายไปบ้าง แต่ DRT ยังสามารถรักษาอัตราการทำกำไรสุทธิให้เติบโตได้ดีกว่าปีก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการบริหารจัดการด้านต้นทุนการผลิตสินค้า เพื่อรักษาตัวเลขกำไรสุทธิของเราให้สามารถเติบโตได้ดีและเป็นที่พอใจแก่นักลงทุนได้"นายสาธิต กล่าว