'พล.ต.ต.ปวีณ' ลาออกจากตำรวจแล้ว

'พล.ต.ต.ปวีณ' ลาออกจากตำรวจแล้ว

"พล.ต.ต.ปวีณ" รองผู้บัญชาการ ศชต. ลาออกจากราชการแล้ว หวั่นความไม่ปลอดภัยจากผลพวงคดีโรฮิงญา

หลังจากที่ทางทีมข่าว เคยสัมภาษณ์พิเศษ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ที่ถูกโยกย้ายไปเป็นรองผู้บัญชาการ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ทำให้ทาง พล.ต.ต.ปวีณ เกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีพรรคพวกของผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทาง พล.ต.ต.ปวีณ พยายามขอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาทบทวนคำสั่ง แต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้ล่าสุดทาง พล.ต.ต.ปวีณ ได้ตัดสินใจยืนใบลาออก เมื่อวันที่ 5 พ.ย.58 ที่ผ่านมา

โดย พล.ต.ต.ปวีณ ได้กล่าวกับทีมข่าวอิศรา ว่า ได้เดินทางไปยื่นลาอออกกับทาง ผู้บัญชาการ ศชต. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาแล้ว เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา เพราะครอบครัวรู้สึกเป็นห่วงในความไม่ปลอดภัยที่จะต้อมาทำงานในพื้นที่นี้ จากการได้ลงไปดูที่สถานที่ทำงาน และพูดคุยกับน้องๆตำรวจในพื้นที่ หลายคนพูดเหมือนกันว่า อยู่ใน ศชต.มีความปลอดภัยแน่นอน แต่ถ้าออกไปข้างนอกก็ไม่มีใครรู้ว่าจะปลอดภัยหรือไม่

"ผมเป็นตำรวจถ้าลงไปทำงานแล้ว ต้องไปอยู่แต่ใน ศชต.และทำงานไม่ได้จะมีค่าอะไร ความไม่ปลอดภัยที่กลัวไม่ได้เป็นเรื่องของความไม่สงบ หรือโจรผู้ร้ายในพื้นที่ ตรงนี้ผมไม่ได้กลัวอยู่แล้ว แต่ที่กลัวคือ ความไม่ปลอดภัยที่เป็นผลพวงมาจากการทำคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา โดยเฉพาะผู้ต้องหาในคดีหลายคนก็เป็นผู้มีอิทธิพลและมีพรรคพวกอยู่ในพื้นที่ เกรงว่า จะมีอันตรายจากกลุ่มคนพวกนี้"

ส่วนกรณีที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโยกย้าย พล.ต.ต.ปวีณฯ นั้น ทาง พล.ต.ต.ปวีณ กล่าวว่า ไม่ได้รู้สึกอะไร คิดว่าท่านคงมีเหตุผลของท่านและทบทวนมาดีแล้วในการโยกย้ายดังกล่าว ซึ่งในส่วนตัวของผมเอง ก็มีเหตุผลของตัวเองเช่นกันในการที่ลาออก เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจของคนในครอบครัว

แม้ว่าผมจะได้ยื่นลาออกไปแล้ว แต่น่าเป็นผลในวันที่ 6 ธ.ค. เพราะตามระเบียบต้องยืนใบลาออกก่อน 30 วัน ในช่วงนี้ผมก็ยังคงทำงานปกติ ซึ่งยังคงต้องมีหน้าที่ร่วมกับทางอัยการในเรื่องการคดีค้ามนุษย์ แม้ว่าผมจะลาออกจากการเป็นตำรวจไปแล้ว ภาระหน้าที่ของผมในการคดีค้ามนุษย์จะจบไป แต่คดีค้ามนุษย์ยังต้องดำเนินต่อไป เพราะในคดีดังกล่าวยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องอีกเป็นจำนวนมาก

แต่สิ่งที่ผมยังเป็นห่วงอยู่คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกหลายท่านที่อยู่ในทีมพนักงานสอบสวนคดีโรฮิงญา ที่หลังจากนี้ไปไม่รู้จะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง เพราะทุกคนที่อยู่ในชุดสอบสวนทุกคนทุ่มเททำงานกันอย่างเต็มที่ ไม่อยากให้เสียขวัญและกำลังใจ จากสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวผม

ทางด้าน พ.ต.อ.ตรีวิทย์ ศรีประภา รอง ผบก.ภ.จว.สงขลา หนึ่งในทีมพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ได้ให้สัมภาษณ์กับทางทีมข่าวอิศรา หลังทราบว่าการลาออกของ พล.ต.ต.ปวีณฯ ว่า รู้เสียดายนายตำรวจเก่งอย่าง พล.ต.ต.ปวีณ ซึ่งตลอดระยะเวลาในการทำงานในชุดสอบสวนคดีโรฮิงญา ได้เห็นการทำงานของท่านปวีณ มาตลอด 5 – 6 เดือน ท่านเป็นคนเก่ง เป็นคนจริงจังกับการทำงาน มีความอดทนและมีระเบียบวินัยมาก ตลอดเวลาที่ท่านทำงานท่านจะแต่เครื่องแบตำรวจ แม้จะเป็นวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ที่พนักงานสอบสวนในทีมแต่ชุดนอกกันมาทำงานบ้าง แต่ท่านจะแต่งเครื่องแบบตลอดที่มาทำงาน

“ในขณะทำงานร่วมกันท่านได้กำชับกับพนักงานสอบสวนทุกคนในทีมตลอดเวลาว่า ให้ทำงานกันอย่างตรงไปตรงมาไม่เลือกปฏิบัติ ทำไปตามพยานหลักฐานไม่กลั่นแกล้งใคร ผิดก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย เพราะท่านเชื่อว่า หากเราในฐานะพนักงานสอบสวนงานอย่างตรงไปตรงมาเอาความถูกต้องเป็นหลัง ความถูกต้องก็จะเป็นเกราะในการคุ้มครองตัวเราเอง”

พ.ต.อ.ตรีวิทย์ กล่าวอีกว่า ในส่วนตัวสิ่งที่เกิดขึ้นกับ พล.ต.ต.ปวีณ ตนเองรู้สึกเสียใจแทน ที่ท่านตั้งใจทำงานและทำดีมาตลอด แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลหรือเห็นความสำคัญ แน่นอนเรื่องขวัญกำลังใจของตำรวจทุกคนในทีมชุมสอบสวนคดีโรงฮิงญาเกือบ 100 ชีวิต ก็ย่อมเสียขวัญและกำลังใจเป็นธรรมดา และหลายคนย่อมกังวลว่า ไม่รู้จะเกิดอะไรกับตัวเองกันบ้างหลังจากนี้ ซึ่งคงต้องรอดูกันต่อไป แต่ในเรื่องคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา พนักงานสอบสวนทุกคนในทีมก็ยังคงต้องทำหน้าที่กันต่อ เพราะคดีนี้เป็นคดีใหญ่ ซึ่งต้องดำเนินการในการเตรียมเอกสารให้กับทางอัยการ