'พล.อ.ประยุทธ์'ต้อนรับประธานาธิบดีศรีลังกา

'พล.อ.ประยุทธ์'ต้อนรับประธานาธิบดีศรีลังกา

"พล.อ.ประยุทธ์"ต้อนรับประธานาธิบดีศรีลังกา ยันไทยเดินหน้าจัดเลือกตั้ง ระบุเกิดขึ้นในปี2560 ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้า 1,000 ล้านดอลลา ภายในปี

ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้การต้อนรับ นายไมตรีปาละ สิริเสนา (Mr. Maithripala Sirisena) ประธานาธิบดีสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล โดยผู้นำจากทั้ง 2 ชาติ ร่วมกันตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า 

จากนั้นประธานาธิบดีศรีลังกา จะลงนามในสมุดเยี่ยม และทั้งสองฝ่ายได้หารือข้อราชการกลุ่มเล็ก ก่อนจะมีการหารือข้อราชการเต็มคณะ ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัติถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมหารือ

พลตรี วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือ ว่านายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความยินดีกับพัฒนาการทางการเมืองในศรีลังกา เชื่อมั่นว่าประธานาธิบดีศรีลังกาจะประสบความสำเร็จในการบริหารประเทศโดยใช้หลักธรรมาภิบาล และความก้าวหน้าในกระบวนการปรองดองแห่งชาติของศรีลังกา สำหรับพัฒนาการการเมืองไทยนั้น ไทยจะเดินหน้าจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี 2560 ขณะนี้ ไทยอยู่ระหว่างการดำเนินการตาม Roadmap เพื่อนำไปสู่การสร้างระบอบประชาธิปไตยที่มีความเข้มแข็ง มีเสถียรภาพ และสร้างสังคมที่มีความปรองดอง กระบวนการปฏิรูปประเทศจะต้องเกิดขึ้นจากคนไทยเพื่อนำไทยไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและมั่นคง โดยต้องเกิดจากความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม รัฐบาลได้เน้นการปฏิรูปเบื้องต้นใน 11 ด้านสำคัญ ในการพัฒนาประเทศบนพื้นฐานประชารัฐ และสร้างความเข้มแข็งในประเทศและเพื่อประโยชน์ของคนไทยในระยะยาวต่อไป 

สำหรับความร่วมมือและเป้าหมายทางเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรียังกล่าวชื่นชมการเติบโตทางเศรษฐกิจของศรีลังกาที่คาดว่า GDP ปีนี้ จะโตถึงร้อยละ 7.8 จากแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรมนุษย์ของศรีลังกา ทั้งนี้ รัฐบาลไทยเองมุ่งมั่นที่จะปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนและรอบด้าน โดยได้น้อมนำหลักการของปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและความเข้มแข้งของระบบเศรษฐกิจและสังคมในการเผชิญความท้าทายจากสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยไทยมียุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนในระยะ 7 ปี (2558-2564) โดยเน้นเพิ่มมูลค่าและปริมาณการลงทุนทั้งในประเทศและการลงทุนของไทยในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อให้ไทยก้าวพ้นการเป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง และเติบโตอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ ไทยยังได้จัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ในพื้นที่ 5 จังหวัดนำร่อง โดยภารกิจเร่งด่วน คือ การช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร และ SMEs ไทยและศรีลังยังสามารถร่วมมือกันในสินค้าและอุตสาหกรรมที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพอาทิ สิ่งทอ อัญมณี ชา และจะต้องเป็นความร่วมมือที่ครบวงจรเช่นศรีลังกามีวัตถุดิบอัญมณี ไทยมีทักษะและความชำนาญในการแปรรูป และการตลาด ทั้งสองประเทศสามารถเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาสินค้าประเภทอัญมณีสู่ตลาดต่างประเทศ โดยได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ขณะเดียวกันก็เป็นการลดการแข่งขันระหว่างกัน และเพิ่มพันธมิตรโดยการขยายความร่วมมือไปยังประเทศต่างๆ ให้มากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้ทั้งสองประเทศสามารถบรรลุเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าให้ถึง 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2559 

ด้านการลงทุน ปัจจุบันมีเอกชนไทยหลายรายสนใจเข้าไปลงทุนในศรีลังกาแล้ว อาทิ ในสาขาสิ่งทอ การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจโรงแรม และเชื่อว่าการจัดเวที Business Forum, Business Matching เพื่อให้ผู้บริหารของบริษัทเอกชนไทยเข้าพบประธานาธิบดีศรีลังกาจะเป็นประโยชน์และรัฐบาลศรีลังกาจะให้สนับสนุนภาคเอกชนไทยที่เข้าไปลงทุนในศรีลังกาด้วย

ความร่วมมือด้านเกษตรและประมง ไทยกับศรีลังกามีศักยภาพที่จะร่วมมือกันในการด้านเกษตรและประมง ทั้งในเชิงวิชาการและเชิงพาณิชย์ ความร่วมมือทางวิชาการด้านการประมง การแลกเปลี่ยนข้อมูลและงานวิจัย อาทิ การควบคุมโรคกุ้ง เพื่อพัฒนาสินค้าประมงให้มีคุณภาพร่วมกัน 

ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว ไทยและศรีลังกาสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะทั้งสองประเทศสามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา ไทยยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับศรีลังกาในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว พร้อมจะผลักดันความร่วมมือภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจด้านการท่องเที่ยวเพื่อให้ผลเป็นรูปธรรม สำหรับไทยได้รับการยอมรับถึงมาตรฐานการท่องเที่ยวและการบริการด้านสุขภาพทั้งการแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทยและความงาม สปา ในไทยที่คุ้มค่าใช้จ่าย ซึ่งชาวศรีลังกามาพักผ่อนและใช้บริการด้านสุขภาพในไทย 

ความร่วมมือด้านการทหารและความมั่นคง ยินดีที่ทั้งสองมีความร่วมมือที่ใกล้ชิด ทั้งการฝึกอบรม การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ไทยและศรีลังกายังมีบทบาทในความร่วมมือเพื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายในระดับภูมิภาค อาทิ การต่อต้านโจรสลัดและการปล้นเรือโดยใช้อาวุธในภูมิภาคด้วย 

ความร่วมมือในระดับภูมิภาค ไทยให้ความสำคัญกับความร่วมมือในกรอบ BIMSTEC ตามนโยบาย Look West ของไทย เพราะเป็นเวทีที่มีประโยชน์ในการส่งเสริมความร่วมมือทั้งความมั่นคงและเศรษฐกิจ และเชื่อว่าไทยและศรีลังกาจะใช้ประโยชน์จากความตกลง BIMSTEC FTA เพื่อเป็นกลไกสำคัญที่จะกระตุ้นการค้าการลงทุนในภูมิภาคได้ 

พลตรีวีรชน กล่าวต่อว่า ขณะที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ได้มั่นใจถึงศักยภาพความร่วมมือระหว่างไทยและศรีลังกาทั้งในระดับเอกชน/เอกชน และภาครัฐ/ภาครัฐ โดยเฉพาะในสามสาขาหลัก ได้แก่ ท่องเที่ยวและการก่อสร้าง การเกษตรและอุตสาหกรรมและการประมง ทั้งนี้ พร้อมที่จะนำคณะภาคเอกชนไทยเดินทางเยือนศรีลังกา (Trade Mission) เพื่อหาลู่ทางการค้าและการลงทุน ขณะเดียวกันก็จะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-ศรีลังกา เพื่อผลักดันความร่วมมือในกรอบรัฐต่อรัฐ ต่อไป ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวขอบคุณศรีลังกาที่ไห้การสนับสนุนผู้แทนไทยในการสมัครดำรงตำแหน่งสมาชิกไม่ถาวร UNSC อย่างเป็นทางการด้วย

โอกาสนี้ ประธานาธิบดีศรีลังกา กล่าวชื่นชมวิสัยทัศน์และเชื่อมั่นว่า ไทยจะประสบความสำเร็จในการปฏิรูปประเทศ และพร้อมที่จะส่งเสริมความร่วมมือไทยและศรีลังกาให้ครอบคลุมทุกมิติทั้งเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและศาสนา โดยเฉพาะพุทธศาสนาซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศที่มีมายาวนานกว่าศตวรรษ นอกจากนี้ ศรีลังกามีความสนใจที่เรียนรู้ความก้าวหน้าของไทยทั้งอุตสาหกรรมประมง การท่องเที่ยว ด้านเภสัชกรรมและพลังงาน และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความสำเร็จของไทยเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น ในโครงการต่างๆ การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ โครงการหนึ่งตำบล หนึ่งสินค้า (OTOP) เป็นต้น

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวในตอนท้ายว่า จะมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศเร่งติดตามความร่วมมือ โดยสามารถดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ทันที เพื่อให้การหารือในวันนี้ สัมฤทธิ์ผลและมีความก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว