พาณิชย์เล็งพยุงราคาข้าวให้ไม่ต่ำกว่า8พันบาทต่อตัน

พาณิชย์เล็งพยุงราคาข้าวให้ไม่ต่ำกว่า8พันบาทต่อตัน

กระทรวงพาณิชย์ มั่นใจมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวนาปี พร้อมพยุงราคาข้าวในตลาดไม่ให้ต่ำกว่า 8,000-8,500 บาทต่อตัน ด้านเอกชนพร้อมรับซื้อ

นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าวปีการผลิต 2558/2559 ทั้งมาตรการลดต้นทุนการผลิตและมาตรการสนับสนุนเกษตรกรด้านสินเชื่อ ลดอัตราดอกเบี้ย และกิจกรรมส่งเสริมการตลาด โดยเฉพาะมาตรการดูแลราคาข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 ฤดูกาลผลิต 2558 /2559 ไม่ให้ตกต่ำ กระทรวงพาณิชย์เชื่อว่าจะรักษาระดับราคาข้าวเปลือกไม่ต่ำกว่า 8,000- 8,500 บาทต่อตัน และข้าวหอมมะลิเฉลี่ย 13,000-13,500 บาทต่อตัน

ส่วนมติคณะกรรมการนโยบายบริหารและจัดการข้าว (นบข.) ที่ให้ระบายข้าวเสื่อมคุณภาพปริมาณ 2 ล้านตัน ขณะนี้กรมการค้าต่างประเทศอยู่ระหว่างการพิจารณาแนวทางการระบาย เพื่อให้เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น และให้ได้ราคาดีที่สุด ซึ่งยืนยันว่าราคาจะไม่ต่ำถึง 1 บาทต่อกิโลกรัมตามที่มีข่าวแน่นอน ส่วนการระบายข้าวคุณภาพดีมีความจำเป็นจะต้องชะลอ เพื่อไม่ให้กระทบกับผลผลิตข้าวที่จะออกสู่ตลาด

ด้าน ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ภาคเอกชนมีความพร้อมที่จะเข้าไปรับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิจากเกษตรกรแล้ว โดยราคาเฉลี่ย 13,000 – 13,500 บาทต่อตัน เป้าหมาย 100,000 ตัน ซึ่งสามารถเข้าไปรับซื้อได้ทันที เพื่อนำมาเก็บสตอกไว้ 3 เดือนก่อนระบายออก โดยพร้อมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งค่าฝากเก็บ และค่าปรับปรุงคุณภาพข้าวเองทั้งหมด ซึ่งภาคเอกชนพร้อมให้การสนับสนุนรัฐบาลในการดูแลระดับราคาข้าวเปลือกให้กับเกษตกร โดยข้าวขาวไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากรัฐบาลมีสัญญาจีทูจี และเอกชน ก็มีคำสั่งซื้ออยู่ แต่ข้าวหอมมะลิที่ผลผลิตจะออกในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้และใช้เวลาเก็บเกี่ยวพร้อมกันปริมาณถึง 6 ล้านตันในระยะเวลาเพียง 2 เดือน ซึ่งหากขายพร้อมกันราคาจะตกลงเรื่อย ๆ โดยยังมั่นใจว่าการส่งออกข้าวไทยปีนี้จะได้ 9.5 -10 ล้านตัน ส่วนปีหน้ายังจะได้ 10 ล้าน ตัน แม้ว่าจะมีปัญหาภัยแล้วกระทบไปทั่วโลก แต่สตอกข้าวเก่าและข้าวใหม่จะมีเพียงพอป้อนสู่ตลาด

ส่วนการระบายข้าวเสื่อมคุณภาพสู่ภาคอุตสาหกรรมนั้น ที่ผ่านมาข้าวในสตอกรัฐบาลมีความจำเป็นต้องระบายออก โดยมั่นใจว่ายังมีภาคเอกชนสนใจที่เข้ามาซื้อ แม้รัฐจะระบายกิโลละกรัมละ 5 บาท นำไปใช้ประโยชน์ได้อยู่ ก็จะยังมีเอกชนสนใจเข้าร่วมประมูล หากโดยเชื่อว่า การระบายข้าวเสื่อมระยะเวลานี้จะไม่กระทบกับราคาข้าวที่จะออกสู่ตลาด เพราะนำไปใช้ประโยชน์คนละอุตสาหกรรม