SPALI - ซื้อ

รายได้ลดลงมากกว่าคาด

เราคาด SPALI จะมีกำไรสุทธิใน Q358 ราว 942 ล้านบาทลดลง 40% YoY และ 2% QoQ และ ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาดไว้เบื้องต้นว่าเติบโตต่อเนื่อง สาเหตุจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ Supalai Prima Riva ทำได้เพียง 1 พันล้านบาท จากเดิมที่คาด 2 พันล้านบาท ผลกระทบจากการเลื่อนโอนกรรมสิทธิ์เพื่อรอรับประโยชน์จากมาตรการภาครัฐ ส่งผลต่อการบันทึกรายได้ลดลง 19% YoY และ 7% QoQ เป็น 4.7พันล้านบาท ขณะเดียวกันการรับรู้รายได้ต่อเนื่องของโครงการ Supalai Wellington ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำเพียง 30% ยังคงกดดันอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับทรงตัว 38.5% จากรายไตรมาสที่ 37.7%

กำไรพลิกฟื้นใน 4Q58

แม้ว่าผลประกอบการใน 3Q58 จะไม่เติบโต อย่างไรก็ดี ผลของการเลื่อนโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการ Supalai Prima Riva จะเข้าสู่ 4Q58 แทน และคาดว่าลูกค้าจะสามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ตามปกติ หลังจากภาครัฐประกาศมาตรการภาครัฐ ทำให้กลุ่มลุกค้าได้ประโยชน์จากค่าธรรมโอน และค่าจดทะเบียนที่ลดลง ซึ่งปัจจุบันมีงานในมือรอปัจจุบันรอบันทึกรายได้แล้ว 7 พันล้านบาท ซึ่งผลจากการรับรู้รายได้จากโครงการ Supalai Prima Riva ทีมีอัตรากำไรขั้นต้นมากกว่า 40% จะช่วยสนับสนุนความสามารถในการทำกำไรที่ปรับดีขึ้น อยู่ในระดับ 39% และมีผลต่อกำไรใน 4Q58 จะเป็นไตรมาสที่มีผลประกอบการสูงสุดของปี

เตรียมเปิดตัวโครงการใหญ่ “Supalai Riva Grande”

เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” ระยะสั้นอาจมีปัจจัยลบจากผลประกอบการใน 3Q58 ที่ยังไม่เติบโต อย่างไรก็ดีเราคาดว่ายอดรับรู้รายได้ที่เลื่อนการโอนกรรมสิทธิ์จะเกิดขึ้นใน 4Q58 ซึ่งทำให้เห็นการเติบโตมากสุดของปีซึ่งเราคาดว่าประมาณการรายได้ทั้งปี 2.1 หมื่นล้านบาทยังมีความเป็นไปได้ รวมถึงบริษัทมีงานในมืออีก 1.1 หมื่นล้านบาท รอบันทึกรายได้ในปี 2559 ซึ่งรองรับรายได้ 50% ของรายได้ ขณะเดียวกันสถานการณ์ยอดขายจะทำได้ดีขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากโครงการใหม่เตรียมเปิดตัวคือ “Supalai Riva Grande” มูลค่าโครงการ 5 พันล้านบาท ด้วยความเด่นจากพื้นที่โครงการใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา ราคาต่อหน่วย 7 ล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดทำยอดขายสิ้นปีทำได้ 40% หรือประมาณ 2 พันล้านบาท รวมถึงแผนเปิดตัวโครงการโครงการแนวราบ 7 แห่ง ซึ่งจะช่วยผลักดันยอดขายในช่วง 4Q58 ราว 5-6 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับยอดขายในงวด 9M58 ที่ 1.34 หมื่นล้านบาท ทำให้ยอดขายทั้งปีสามารถอยู่ที่ระดับ 2 หมื่นล้านบาท