ลูกจ้างเฮ! แห่ใช้สิทธิประกันสังคมใหม่เพียบ

ลูกจ้างเฮ! แห่ใช้สิทธิประกันสังคมใหม่เพียบ

คนแห่ใช้สิทธิ "ประกันสังคม" ฉบับใหม่เพียบ เตือน "นายจ้าง" ชำระเงินสมทบหลังวันที่15 พ.ย.มีโทษปรับ

นายโกวิท สัจจวิเศษ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยกรณีพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2558 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ต.ค.เป็นต้นไป ว่า สิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นตามพ.ร.บ.ฉบับนี้มากมาย อาทิ ผู้ประกันมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีคลอดบุตรไม่จำกัดจำนวนครั้ง (เหมาจ่ายครั้งละ 13,000 บาท + เงินสงเคราะห์การหยุดงาน 90 วัน) ผู้ประกันมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรคราวละไม่เกิน 3 คน (เหมาจ่ายรายเดือน เดือนละ 400 บาทต่อคน) ผู้ประกันตนสามารถทำหนังสือระบุบุคคลผู้มีสิทธิรับเงินบำเหน็จชราภาพไว้ล่วงหน้าได้โดยให้มีสิทธิรับร่วมกับทายาท เพิ่มเงินสงเคราะห์กรณีตาย ผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยเรื้อรังมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีตาย

นายโกวิท กล่าวว่า ส่วนการคำนวณค่าจ้างรายวันในการจ่ายเงินทดแทนการขาดรายได้ให้แก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ให้คำนวณโดยนำค่าจ้างที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณเงินสมทบสูงสุด 3 เดือนภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่มีสิทธิมารวมกันเป็นฐานในการคำนวณแล้วหารด้วย 90 ในกรณีที่ผู้ประกันตนมีค่าจ้างไม่ครบ 3 เดือนในคำนวณจากค่าจ้างเฉลี่ยเป็นรายวัน กองทุนประกันสังคมขยายระยะเวลาการขอรับประโยชน์ทดแทนจาก 1 ปี เป็น 2 ปี และขยายความคุ้มครองไปถึงลูกจ้างชั่วคราวทุกประเภทของส่วนราชการที่มีอยู่ประมาณ 300,000 คน และลูกจ้างของนายจ้างที่มีสำนักงานในประเทศและไปประจำทำงานต่างประเทศ ผู้ทุพพลภาพอยู่ก่อนวันที่ 31 มี.ค. 2558 มีสิทธิได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้ไปตลอดชีวิต

นายโกวิท กล่าวว่า สำนักงานประกันสังคมยังไม่มีการเตรียมที่จะขยายฐานการเก็บเงินสมทบจากผู้ประกันตนและนายจ้าง หลังวันที่ 20 ต.ค.เพราะเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวม และห่วงใยผู้ประกันตน ลูกจ้าง รวมทั้งนายจ้าง จึงยังคงยืนยันที่จะเก็บเงินสมทบจากผู้ประกันตนและนายจ้างร้อยละ 5 ของฐานเงินเดือนที่กำหนดไว้คือ 1,650-15,000 บาทอยู่เหมือนเดิม ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกันตนด้วยซ้ำ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีเงินเดือนสูง เนื่องจากหากในอนาคตมีการปรับขยายฐานเพิ่มเป็นผู้มีรายได้จาก 1,650-20,000 บาท จะช่วยให้ผู้ประกันตนได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่ม เช่น ถ้าเพิ่มจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 6 เงินสะสมก็เพิ่มขึ้นจาก 1,000 บาทเป็น 1,200 บาท จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เพิ่มขึ้นจาก 7,500 บาทเป็น 10,000 บาท เงินบำนาญชราภาพก็ได้เพิ่มมากขึ้นด้วย

ด้านพันตำรวจตรีหญิง รมยง สุรกิจบรรหาร รองเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ในฐานะโฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า นอกจากการเพิ่มสิทธิประโยชน์และขยายความคุ้มครองข้างต้นแล้ว กฎหมายประกันสังคมฉบับใหม่ยังได้เพิ่มเรื่องการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคซึ่งนับเป็นเรื่องใหม่ที่เป็นของขวัญแก่ผู้ประกันตนและลูกจ้างทั่วประเทศด้วย เบื้องต้นในปีงบประมาณ 2559 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เตรียมจะออกประกาศในเรื่องดังกล่าว โดย สปส. จะให้ประกันสังคมจังหวัดหรือเขตเข้าร่วมเป็นอนุกรรมการของ สปสช. เพื่อประสานงานอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกันในแต่ละจังหวัดให้สามารถไปใช้สิทธิในโรงพยาบาลของรัฐตามหลักเกณฑ์ของ สปสช. เช่น การฝากครรภ์ การรับวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ รวมทั้งการตรวจคัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคร้ายแรง เป็นต้น

พันตำรวจตรีหญิง รมยง กล่าวว่า นอกจากนี้พ.ร.บ.ดังกล่าว ยังได้เปลี่ยนแปลงกำหนดระยะเวลาการนำส่งเงินสมทบของนายจ้างและโทษปรับกรณีนายจ้างชำระเงินสมทบล่าช้า ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.นี้ด้วยเช่นกัน โดยเงินสมทบงวดเดือนก.ย.2558 นายจ้างต้องชำระเงินสมทบอย่างช้าสุดไม่เกินวันที่ 19 ต.ค. 2558 สำหรับเงินสมทบงวดเดือนต.ค. นายจ้างต้องชำระเงินสมทบภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป เช่น เงินสมทบงวดเดือนต.ค.ต้องจ่ายเงินสมทบภายใน 15 พ.ย. หากชำระเงินสมทบหลังจากวันที่ 15 พ.ย. นายจ้างจะมีโทษปรับเพิ่มร้อยละ 2 ต่อเดือนของจำนวนเงินสมทบที่ค้างจ่าย

ทั้งนี้สำนักงานประกันสังคม ยังได้เพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวก นายจ้างสามารถยื่นแบบส่งเงินสมทบ (สปส. 1-10) ชำระเงินสมทบได้ที่เคาน์เตอร์ ธนาคารกรุงไทย / ธนาคารกรุงศรีอยุธยา / ธนาคารธนชาต โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม นายจ้างทุกท่านสามารถดูรายละเอียดแนวปฏิบัติการนำส่งเงินสมทบได้ที่ http://www.sso.go.th/wpr/uploads/uploadImages/file/notice020958.pdfหรือมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทร.สายด่วน 1506 ให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง