S เล็งจับมือพันธมิตรขยายธุรกิจโรงแรม

S เล็งจับมือพันธมิตรขยายธุรกิจโรงแรม

"สิงห์เอสเตท" เประกาศรุกขยายธุรกิจโรงแรม หลังจับมือพันธมิตรซื้อเครือ"เมอร์เคียว"ในอังกฤษ มั่นใจปีหน้ามีกำไร

นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์เอสเตท (S) กล่าวว่า บริษัทเดินหน้าขยายธุรกิจโรงแรม หลังจับมือพันธมิตรซื้อเครือ"เมอร์เคียว"ในอังกฤษ เผยพันธมิตรอีกรายทาบทามให้ร่วมเข้าซื้อโรงแรมในอังกฤษหรือฝรังเศสเพิ่มอีกคาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 59 อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานในปี 59 จะพลิกกลับมามีกำไร จากปีนี้ที่ยังต้องลุ้นว่าผลการดำเนินงานทั้งปีจะมีกำไรได้หรือไม่ โดยในปีหน้าบริษัทจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าลงทุนเครือโรงแรมเมอร์เคียวในอังกฤษทั้ง 26 แห่งที่บริษัทได้ลงทุนภายใต้การร่วมทุนกับ FICO Holding (UK) Limited จัดตั้งบริษัทร่วมทุน FS JV Co Limited สัดส่วนถือหุ้น 50:50 คาดว่าจะสามารถบันทึกส่วนแบ่งกำไรเต็มปีที่ 400-500 ล้านบาท/ปี จากปีนี้ที่รับรู้เพียงส่วนหนึ่ง

ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 58 ยังไม่มั่นใจว่าจะพลิกกลับมากำไรได้หรือไม่ จากปีก่อนที่ขาดทุน 250.78 ล้านบาท และครึ่งแรกของปีนี้ยังขาดทุน 125.24 ล้านบาท ซึ่งการจะมีกำไรกลับมาในปีนี้ได้นั้นจะต้องดูว่าการเปิดตัวโครงการบียอนด์ 3 ย่านพระราม 2 ภายใต้ บริษัท เนอวานา ในช่วงไตรมาส 4/58 จะทำยอดขายที่ดีหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้รวมลงเหลือ 3 พันล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าไว้ที่ 4 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบจากภาวะของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่ดีมาตั้งแต่ต้นปี เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวส่งผลต่อความมั่นใจและการตัดสินใจซื้อ ทำให้บริษัทไม่สามารถเปิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่จะสร้างรายได้ในช่วง 9 เดือนผ่านมา ทำให้รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์หายไปราว 1 พันล้านบาท

ขณะที่ธุรกิจที่ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อยู่ คือ ธุรกิจโรงแรม และอาคารสำนักงานให้เช่าในประเทศที่เปิดดำเนินงานในปัจจุบัน ได้แก่ โรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ กระบี่ ที่ยังมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเรื่อง และโรงแรมสันติบุรี สมุย ที่มีแนวโน้มค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นจาการปรับกลยุทธ์กระจายสัดส่วนนักท่องเที่ยวจากจีนเข้ามาชดเชยนักท่องเที่ยวจากยุโรปที่ลดลง และอาคารซันทาวเวอร์ที่ยังมีอัตราการเช่าที่ดี แม้ว่าราคาเช่าพื้นที่จะยังต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของตลาดในบริเวณโดยรอบ แต่บริษัทจะมีการทยอยปรับเพิ่มขึ้นในอนาคตต่อไปให้ใกล้เคียงกับราคาตลาด

ส่วนแผนการขยายธุรกิจโรงแรมในอนาคต บริษัทตั้งเป้าจะมีโรงแรมทั้งหมดทั้งในและต่างประเทศ 65 แห่งภายในปี 63 แบ่งเป็นโรงแรมภายใต้การบริหารของ S จำนวน 15 แห่ง และโรงแรมภายใต้การบริหารของกลุ่มอื่นอีก 50 แห่ง โดยในปี 62 บริษัทจะมีโรงแรมเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 50 แห่ง จำนวนห้องพัก 5,000 ห้อง โดยจะเน้นการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งให้ผลตอบแทนกลับมาได้รวดเร็ว

ปัจจุบันมีพันธมิตรรายอื่นได้มีการทาบทามบริษัทเพื่อร่วมลงทุนเข้าซื้อโรงแรมในประเทศอังกฤษหรือฝรั่งเศสเพิ่มเติมอีก คาดว่าอาจจะได้เห็นความชัดเจนในปี 59 โดยการเข้าซื้อกิจการโรงแรมดังกล่าวบริษัทคาดหวังผลตอบแทน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 20%