หมอกควันภูเก็ตยังสูงเกินมาตรฐาน พบวิกฤติกระทบเที่ยวบิน

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์หมอกควันข้ามแดนจากประเทศอินโดนีเซียที่พัดปกคลุมในหลายพื้นที่ของภาคใต้ โดยเฉพาะในส่วนของพื้นที่จังหวัดภูเก็ต โดยในวันนี้ (7ต.ค.58) พบว่า มีสภาพหมอกควันปกคลุมหนาแน่นกว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยสำนักจัดการคุณภาพอากาศและเสียง กรมควบคุมมลพิษ รายงานการตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณ ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เวลา06:00น.พบปริมาณฝุ่นละออง ขนาดไม่เกิน10ไมครอน (PM10)มีค่า163ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (µg/m3)อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ

จากการลงพื้นที่บริเวณชายหาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต พบว่า หมอกควันค่อนข้างหนาแน่นมาก แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติลงมาเล่นน้ำบริเวณชายหาดพอสมควร ในขณะที่บางส่วนก็พักผ่อนอยู่ในโรงแรม 

จากการสอบถามผู้ประกอบการทราบว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลงมาเล่นน้ำลดลงจากช่วงปกติ เนื่องจากบางส่วนอาจจะเกรงได้รับผลกระทบจากหมอกควัน โดยมีบางส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยยังคงลงเล่นน้ำและทำกิจกรรมบริเวณชายหาดตามปกติ ขณะที่บริเวณชายหาดกะรน อ.เมืองภูเก็ต นักท่องเที่ยวก็ยังลงมาเล่นน้ำและทำกิจกรรมตามปกติ

ขณะเดียวกัน จากการลงพื้นที่ตรวจสอบตามศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในเขตเทศบาลนครภูเก็ตพบว่า บางแห่งได้สั่งปิดก่อนกำหนดเนื่องจากหมอกควันที่เข้าไปรบกวนภายในห้องเรียนทำให้เด็กมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ ขณะที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก1เทศบาลนครภูเก็ตซึ่งมีเด็กเล็กทั้งหมด 154ราย ในวันนี้ (7ต.ค.) มาเรียนเพียงแค่47ราย 

ครูผู้ดูแลเด็กเปิดเผยว่า นักเรียนส่วนใหญ่มีอาการภูมิแพ้ เป็นหวัด เจ็บคอ ทางผู้ปกครองจึงให้หยุดอยู่กับบ้าน ขณะที่เด็กที่มาเรียนต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะที่นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ได้สั่งการให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในความดูแลของเทศบาลตำบลราไวย์ จำนวน 3 แห่ง ปิดทำการสอนชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์หมอกควันที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพของเด็ก

ด้านนายวีรวิชญ์ เครือสมบัติ สมาชิกสภาเทศบาลเมืองป่าตอง และประธานชมรมสถานบันเทิงหาดป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้นว่า เริ่มมีผลกระทบกับสุขภาพของประชาชนบ้างแล้ว โดยยังไม่มีผลกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยว เพราะยังมีเที่ยวบินขึ้นลงได้ตามปกติ แต่ในวันนี้ (7 ต.ค.) ทราบว่ามีเที่ยวบินดีเลย์บ้างในบางสายการบิน แต่มีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนและนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้นยังมีน้อยอยู่ จึงอยากมีการประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจให้มากกว่านี้ เนื่องจากค่าฝุ่นละอองเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดแล้ว และมีผลต่อสุขภาพด้วย ในขณะที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวยังไม่ใส่ใจในการดูแลตัวเองเท่าที่ควร อาจเนื่องมาจากที่ผ่านมาเราไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ และคิดว่าแค่หมอกควันคงไม่มีปัญหา แต่ความจริงไม่ใช่

 นายกัปปคม เสน่ห์ ชาวกมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ระบุว่า จากที่ได้ลงพื้นที่ชายหาดต่างๆ เช่น กมลา ป่าตอง เป็นต้นพบว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวมาเล่นน้ำหรือทำกิจกรรมบริเวณชายหาดลดน้อยลงกว่าช่วงปกติ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากหมอกควัน จึงอยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องหาทางหรือประสานไปยังประเทศต้นทาง เพื่อหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยด่วน เพราะหากปล่อยไปนานกว่านี้ จะกระทบกับระบบท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตแน่นอน

 มีรายงานจากท่าอากาศยานภูเก็ต ระบุว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีเที่ยวบินที่บินกลับสนามบินต้นทางและรีเลย์-บินวนของเครื่องบินพาณิชย์ของสายการบินต่างๆ ทั้งหมด 15 สายการบิน โดยมีเครื่องบินที่ไม่สามารถลงจอดยังรันเวย์ได้จำนวน 4 ไฟล์ แบ่ง เป็นสายการบินระหว่างประเทศจำนวน 2 ไฟล์และสายการบินภายในประเทศอีก 2 สายการบิน ที่เหลืออีก 11 ไฟล์ต้องบินวนรอและร่อนลงตามปกติได้ในเวลาต่อมา โดยแต่ละไฟล์ต้องใช้เวลาบินวนเพื่อรออากาศเปิดราว 20 นาที บางไฟล์ต้องบินวนถึง 50-60 นาที ส่งผลให้มีผู้โดยสารทั้งชาวไทยและต่างชาติต้องรอขึ้นและลงเครื่องเป็นจำนวนมาก เนื่องจากหมอกควันหนาทึบ 

ทว่า หลังจากช่วงบ่ายวันเดียวกัน ปรากฎว่า ทุกสายการบินสามารถบินขึ้นลงได้ตามปกติ เนื่องจากมีแสงแดดสาดส่องทะลุหมอกควันขาวได้ ทำให้นักบินสามารถมองเส้นทางลงรันเวย์ได้มากขึ้น โดยท่าอากาศยานภูเก็ตได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการรายงานสภาพอากาศที่มีผลกระทบกับสายการบินขึ้น เพื่อรายงานผลและสถานการณ์หมอกควันต่างๆ ที่มีผลกับการบินไปยัง การท่าอากาศยานฯ ทุกๆ 2 ชม.เพื่อเตรียมพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของจังหวัดภูเก็ต ก็ได้มีการแจ้งเตือนไปยังประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่เป็นโรคระบบทางเดินหายใจโรคหัวใจโรคหอบหืดรวมทั้งเด็กและผู้สูงอายุควรงดทำกิจกรรมภายนอกอาคารเป็นเวลานาน ๆ เช่น การออกกำลังกายหากจำเป็นควรสวมใส่หน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่นละออง ปิดประตูบ้านป้องกันฝุ่นละอองจากหมอกควันเข้าและไม่รองรับน้ำฝนไว้อุปโภคบริโภคในช่วงขณะนี้