4เหตุผลศาลไม่รับคดี'ยิ่งลักษณ์' ฟ้องอดีตอสส.

4เหตุผลศาลไม่รับคดี'ยิ่งลักษณ์' ฟ้องอดีตอสส.

ศาลอาญามีคำสั่งไม่รับพิจารณาคดีที่ "ยิ่งลักษณ์" อดีตนายกรัฐมนตรี ยื่นฟ้อง "อัยการสูงสุด" ระบุมี 4 เหตุผล

ศาลอาญามีคำสั่งไม่รับพิจารณาคดีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด, นายชุติชัย สาขากร อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ, นายสุรศักดิ์ ตรีรัตน์ตระกูล อธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และนายกิตตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ร่วมกันเป็นจำเลย 4 คน ในความผิดฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและความผิดตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม เนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีเจตนากลั่นแกล้งตามที่กล่าวหา

คดีนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุในคำฟ้องว่า อัยการสูงสุดมีความเห็นชี้ข้อไม่สมบูรณ์ในคดีโครงการทุจริตรับจำนำข้าวที่ยื่นฟ้องโจทก์ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีและไม่ไต่สวนให้เสร็จสิ้น แต่กลับมีความเห็นสั่งฟ้องเพียง 1 ชั่วโมงก่อนที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) จะพิจารณาลงมติถอดถอน นอกจากนี้อัยการสูงสุดยังกล่าวหาว่าโจทก์สมยอมให้เกิดการทุจริตและแสวงหาประโยชน์มิชอบ เพิ่มเติมจากข้อกล่าวหาที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ด้วย

หลังศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าอัยการทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีหลักฐานที่จะกลั่นแกล้งอดีตนายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งให้ยกฟ้อง โดยวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้มาฟังคำสั่งด้วยตัวเอง แต่มีทนายความผู้รับมอบอำนาจมาฟังคำสั่งแทน

4 เหตุผลศาลฯ ไม่รับคดี“ยิ่งลักษณ์”ฟ้องอดีตอสส. 

1. ตามฟ้องโจทก์กล่าวเพียงว่า นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด  มีความเห็นสั่งฟ้องโจทก์ ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าการไต่สวนข้อไม่สมบูรณ์ยังไม่แล้วเสร็จ แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายยืนยันว่าไม่มีการประชุมของคณะทำงานทั้งสองฝ่ายเพื่อพิจารณาหลักฐานที่ไม่สมบูรณ์ก่อนที่นายตระกูล จะส่งฟ้อง โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ โจทก์ อ้างคำสัมภาษณ์ของบุคคล จากรายงานข่าวว่ายังไม่มีการประชุมของคณะทำงานทั้งสองฝ่ายนั้น ก็เป็นข้อมูลจากสื่อมวลชน ไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างเป็นทางการ ขณะที่ในส่วนของสำนักงานอัยการสูงสุด ก็ได้แถลงเมื่อวันที่ 20 ม.ค.58 ว่าคณะทำงานร่วมทั้งสองฝ่ายได้พิจารณาหลักฐานร่วมกันแล้ว จึงแสดงว่า ก่อนที่นายตระกูล จะสั่งฟ้องได้มีการประชุมของคณะทำงานร่วมแล้ว 

2. ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โจทก์ บรรยายฟ้องว่า นายตระกูล จำเลยที่ 1 มีความเห็นส่งฟ้องโจทก์กะทันหัน ก่อนที่ิ สนช. จะลงมติถอดถอน น.ส. ยิ่งลักษณ์ ในคดีที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา น.ส ยิ่งลักษณ์ เพียง 1 ชั่วโมงนั้น ศาลเห็นว่า ไม่มีข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับพฤติการณ์ของนายตระกูล จำเลยที่ 1 ว่าจะไปกลั่นแกล้งโจทก์แต่อย่างใด อีกทั้งเรื่องการถอดถอน น.ส ยิ่งลักษณ์ ก็เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.ส่งเรื่องไปที่ประธาน สนช. ตาม พ.ร.บ. ป.ป.ช. พ.ศ.2542  ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่ได้ผูกพันกับผลการไต่สวนข้อเท็จจริงในความผิดทางอาญา คำบรรยายฟ้องของโจทก์จึงมีลักษณะเป็นความเข้าใจของโจทก์เอง ว่าการกระทำของนายตระกูล  เป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ โดยโจทก์ไม่ได้ยืนยันว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานอัยการ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือ มีเจตนากลั่นแกล้งฟ้องโจทก์ให้ต้องรับโทษแต่อย่างใด 

3. ที่ฟ้องว่า สำนวนคดีจำนำข้าว เป็นการฟ้องเท็จในสาระสำคัญที่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้กล่าวหาและยังไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น ศาลเห็นว่านายตระกูล ในฐานะอัยการสูงสุด ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้บรรยายฟ้องชัดเจนว่า ป.ป.ช.พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีมูลความผิด ซึ่งบรรยายฟ้องตามการพิจารณาของ ป.ป.ช.ไม่ได้เป็นการบรรยายฟ้องที่เป็นเท็จในสาระสำคัญแต่อย่างใด 

4. สำหรับที่โจทก์ อ้างว่า การพิจารณาคดีของศาลฎีกาฯ  พวกจำเลย ได้ยื่นบัญชีระบุพยานนอกสำนวนการสอบสวนของ ป.ป.ช.ที่ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหา และไม่ได้ไต่สวนไว้ในคดีนั้น เห็นว่า แม้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการพิจาณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2542 มาตรา 5 ให้ศาลยึดรายงานของ ป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณา แต่ก็ให้อำนาจศาลไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร โดยศาลมีอำนาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลหรือเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคำและจำเลยมีสิทธินำพยานเข้าไต่สวนเพื่อหักล้างพยานโจทก์ได้อยู่แล้ว การกระทำของจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย ยังไม่อาจรับฟังด้วยว่าจำเลย  กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

ทนาย"ยิ่งลักษณ์"ขอหารือทีมทนายก่อน

ด้านนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังศาลอาญายกคำร้องของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ฟ้องอัยการสูงสุด (อสส.) กรณีใช้อำนาจมิชอบในคดีจำนำข้าว ว่า ขณะนี้ทีมทนายยังไม่ได้คุยกันในการดำเนินการขั้นต่อไป คงต้องไปขอคัดและดูคำพิพากษาของศาลก่อน ต้องขอหารือกันก่อนว่าจะอุทธรณ์ต่อหรือไม่  ส่วนความคืบหน้าในการตรวจพยานหลักฐานในคดีรับจำนำข้าวนั้น ก็ทำกันไปเรื่อยๆ ทุกวันพุธ ทำกันเต็มที่ ถ้าถามว่าทันหรือไม่นั้น คงไม่ทันอยู่แล้ว เพราะเอกสารที่เพิ่มเข้ามานั้นมีจำนวนมาก แต่ก็จะทำให้เต็มที่