สธ.ตรังออกเก็บกะปิอันตราย ออกจากตลาดแล้ว

สธ.ตรังออกเก็บกะปิอันตราย ออกจากตลาดแล้ว

จนท.สาธารณสุขตรัง ออกเก็บกะปิอันตรายออกจากตลาดแล้ว พบวางขายเกลื่อน ชี้ฝ่าฝืนคุก2ปีปรับ2หมื่น

เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2558 ที่ตลาดสดเทศบาลนครตรัง นายแพทย์วิฑูรย์ เหลืองดิลก สาธารณสุขจังหวัดตรัง นำเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง ออกตรวจตามร้านค้าที่จำหน่ายกะปิต่างๆ เพื่อตรวจสอบการจำหน่ายกะปิชื่อดัง ที่ผลิตในจังหวัดกระบี่ จำนวน 4 ยี่ห้อ ทั้งชนิดบรรจุกระปุกและชนิดแท่ง หลังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกระบี่และจังหวัดกระบี่ได้ออกประกาศเตือนว่าไม่ปลอดภัย เป็นอันตรายต่อประชาชนผู้บริโภค                  

โดยตรวจพบสารอินทรีย์สังเคราะห์ชนิดสีผสมอาหาร ชนิดสีซันเซ็ตเยนโลว์ เอฟ ซี เอฟ ,สีปองโซ 4 อาร์ , ซีเอโซรูบิน และตรวจพบสีย้อมผ้า (สีโรดามิน บี)  ซึ่งในที่นี้ทั้ง 4 ยี่ห้อดังกล่าว ได้ส่งมาวางขายตีตลาดในจังหวัดเป็นระยะยาวนาน  จากการตรวจพบว่า มีพ่อค้า แม่ค้าบางส่วนยังไม่ทราบข้อมูลดังกล่าว แต่มีบางส่วนที่ทราบข่าวจากทางสื่อต่างๆแล้วว่ากะปิทั้ง 4 ยี่ห้อดังกล่าวเป็นอันตราย แต่ยังวางขายามปกติ  เนื่องจากลงทุนซื้อมาแล้ว ก็ต้องการจะขายออกไป โดยไม่สนใจว่าประชาชนผู้บริโภคว่าจะได้รับอันตรายหรือไม่  และมีบางส่วนที่เมื่อทราบเรื่องก็เต็มใจที่เก็บ ไม่นำมาวางจำหน่าย  เพราะเห็นใจผู้บริโภค                   

ทั้งนี้  ทางเจ้าหน้าที่หลังลงตรวจสอบ และพบมีการวางขายเกลื่อนแผง ก็ได้สั่งให้พ่อค้าแม่ค้าทุกแผง เก็บสินค้าทั้งหมด เพื่อส่งคืนให้แก่เจ้าของในทันที เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค พร้อมมีคำแนะนำให้แก่ประชาชนเรื่องการเลือกซื้อกะปิว่าควรเลือกซื้อกะปิที่ไม่ผสมสี ซึ่งสีเหล่านี้จะสะสมในร่างกายแล้วอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ เช่น สีโรตามิน บี อาจทำให้เกิดผื่นที่ผิวหนัง หน้าบวม อาเจียน ท้องเดิน อาการชา เพลีย และอ่อนแรงคล้ายอัมพาต การทำงานของระบบทางเดินอาหาร ไตและตับเสีย สีบางชนิดทำให้เกิดมะเร็งที่ต่อมน้ำเหลืองและอวัยวะอื่นๆ                    

นอกจากนี้ ยังมีอันตรายจากสารอื่นที่ติดมาเนื่องจากการสังเคราะห์ หรือจากกระบวนการผลิตที่แยกเอาสารเจือปนออกไม่หมด  เช่น แคมเมี่ยม ปรอท ตะกั่ว สารหนู โครเมียม พลวงและเซเรเนียม ซึ่งพิษของโลหะหนักเหล่านี้อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ พร้อมกำชับ หากยังมีผู้ฝ่าฝืนวางกะปิยี่ห้อดังกล่าว จำหน่ายต่อไป จะมีความผิดระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ