'ประวุฒิ' ยันผู้ต้องสงสัยถือพาสปอร์ตปลอม

'ประวุฒิ' ยันผู้ต้องสงสัยถือพาสปอร์ตปลอม

"พล.ต.ท.ประวุฒิ" โฆษก ตร. ยันผู้ต้องสงสัยถือพาสปอร์ตปลอม ยังไม่สามารถระบุสัญชาติได้ ระบุอยู่ในขบวนการระเบิดแยกราชประสงค์

รายงานข่าวจากเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณ แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร สามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัย 1 ราย เป็นชาวต่างชาติ ควบคุมตัวได้บริเวณถนนเชื่อมสัมพันธ์ 11 เขตหนองจอก โดยได้คุมตัวไว้ที่ สน.หนองจอก ทำให้ พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษก ตร. และพล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.รีบเดินทางไปตรวจสอบชายคนดังกล่าวเป็นผู้ต้องสงสัยคดีที่แยกราชประสงค์ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการหรือไม่

รายงานข่าวแจ้งว่า ในเวลาต่อมา ภายหลังเจ้าหน้าตำรวจ และกำลังทหารเข้าตรวจสอบภายในห้องเลขที่ 412และ 414 พูลอนันต์อพาร์ทเม้นต์ ที่นำกำลังเข้าปิดล้อมตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ผลจากการตรวจสอบในห้องดังกล่าวได้ควบคุมชายต้องสงสัยชาวต่างชาติ สัญชาติตุรกี และยังพบอุปกรณ์และวัตถุที่ใช้สำหรับประกอบระเบิดจำนวนมาก โดยเฉพาะลูกปรายแบบกลมเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5ซ.ม. ชนิดเดียวกับที่พบที่ราชประสงค์และท่าเรือสาทร

ล่าสุด เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (29 ส.ค.)  พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกตร. เปิดเผยว่า จากการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย เป็นชายชาวต่างชาติ ซึ่งยังไม่สามารถระบุสัญชาติได้ในขณะนี้ เนื่องจากผู้ต้องสงสัยดังกล่าว ได้ถือพาสปอร์ตปลอมที่ระบุว่าเป็นพาสปอร์ตตุรกี ขณะเดียวกันจากการตรวจพบชิ้นส่วนอุปกรณ์ภายในห้องพัก โดยเฉพาะ “บอล แบริ่ง” หรือลูกปราย ที่มีขนาด 0.5 มิลลิเมตร มีความคล้ายคลึงกับวัตถุพยานที่เจ้าหน้าที่เก็บได้จากเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ วันที่ 17 ส.ค. และเหตุระเบิดที่ท่าเรือสาทร วันที่ 18 ส.ค. ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เชื่อได้ว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออยู่ในกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มบุคคลที่่ก่อเหตุวางระเบิดในพื้นที่กทม. ของวันที่ 17-18 ส.ค. ที่ผ่านมา และจากการตรวจสอบในเบื้องต้นเกี่ยวกับผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวมีความเป็นไปได้ว่า จะไม่ใช่ผู้ที่ถือระเบิดไปวาง แต่เป็นผู้ร่วมขบวนการ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้สืบสวนขยายผลอย่างต่อเนื่อง ไปถึงผู้ร่วมกระทำความผิดรายอื่น ๆ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ต้องสงสัยรายดังกล่าวที่ถูกควบคุมตัวในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวไปสอบสวนภายในค่ายทหารแห่งหนึ่งแล้ว และเบื้องต้น ขณะนี้ยังพบผู้ต้องสงสัยเพียงรายเดียวเท่านั้น