เขียวสดใส

เขียวสดใส

เริ่มสะสมหุ้นที่เป็น laggard เน้นกลุ่มปันผลสูง เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง และได้ประโยชน์จากโครงการรัฐหรือค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : เขียวสดใส


ตลาดไทยวันนี้มีโอกาสปรับขึ้นต่อจากปัจจัยบวกประเด็นตัวเลข GDP ของสหรัฐรายงานออกมาดีกว่าทุกฝ่ายคาด อีกทั้งตัวเลขภาคแรงงานและสัญญาขายบ้านมือสองยังคงแข็งแกร่งส่งผลบวกต่อ sentiment ส่วนทางด้านตลาดหุ้นจีนก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ หลังรัฐบาลประกาศอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบธนาคารและที่สำคัญราคาน้ำมันส่งสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจน จึงเป็นแรงหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานอีกวัน

แนวรับ/แนวต้าน : 1340/1370 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

กลยุทธ์ : เริ่มสะสมหุ้นที่เป็น laggard เน้นกลุ่มปันผลสูง เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง และได้ประโยชน์จากโครงการรัฐหรือค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง

นักลงทุนระยะสั้น : SVI(5.40), NUSA(1.25)

SVI(5.40) งบ Q2 ออกมาดีแล้ว ต่อไปงบ Q3 จะเข้าสู่ช่วงพีค ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ทำให้ส่งออกง่ายขึ้นและไม่ส่งออกไปจีน ทำให้ผลกระทบจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวมีค่อนข้างน้อยต่อ SVI ปีนี้จะเดินเครื่องผลิตได้เต็มที่เหมือนก่อนช่วงไฟไหม้ ประกอบกับ demand จากยุโรปยังแข็งแกร่งอยู่และปีหน้าจะได้ลูกค้าใหม่จากอเมริกา 4 ราย ส่งผลให้กำไรมีโอกาสจะโตถึง 40% ในปีหน้า

NUSA (1.25) เราคาดกำไรจะโตได้สูงปีนี้ ประกอบกับราคาปัจจุบันต่ำกว่าบุ๊ค คือแค่ 0.9 เท่า P/B แถมมี Land bank ซึ่งมีต้นทุนน้อยมาก บวกกับโครงการ NUSA ONE และอีกหลายโครงการในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่จะช่วยเพิ่มรายได้ให้บริษัทในระยะยาว และในครึ่งปีหลังนี้แนวโน้มการโอนโครงการจะมีเข้ามากกว่าครึ่งปีแรกอีกด้วย หลังจากครึ่งปีแรกคอนโดขายดีจนเกินเป้าแล้วครับผม

นักลงทุนระยะยาว : ADVANC (270), TVO(33.75)

ADVANC (270) UOBKH เรามองประเด็นบวกจากการประมูล 4G เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ อย่างที่เราเคยเก็บข้อมูลการประมูล 3G ที่ผ่านมาก็ทำให้ Telco sector ขึ้นมา 40-50%เลย ภายใน 7 วันหลังจากประมูลเสร็จ โดยเราเชื่อว่า AIS จะได้ประโยชน์จากการประมูลนี้ที่สุด เพราะจะลดความกังวลเกี่ยวกับ การขาดเเคลน spectrum โดยคลื่น 900 MHz ของ AIS จะหมดอายุสัมปทานเดือน ก.ย.ปีนี้ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของ AIS ก็น่าจะทำสถิติใหม่ได้ใน Q3-Q4 เพราะไม่ต้องบันทึกค่าเสื่อมจากคลื่น 900MHz ที่ปกติจะบันทึกประมาณ 2,000 ล้านบาท/ไตรมาส ดังนั้น AIS เป็นหุ้น Top pick ของเรา Target price 270 บาท ปันผลก็สูงด้วยอยู่ที่ 5%

TVO (33.75) ตลาดมันแกว่งแรงความเสี่ยงก็เยอะ เอาหุ้นปันผลสูงๆติดพอร์ตไว้ก็ดีครับ TVO ตัวนี้ รายงานงบ Q2 ออกมาดีบวกกับ Downside risk จากราคาถั่วเหลืองตกต่ำมีน้อย เนื่องจากราคาถั่วเหลืองในตลาดโลกปัจจุบันใกล้เคียงกับราคาต้นทุนของเกษตรกรสหรัฐที่ 9USD/bushel แถมให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 58 ที่ดีราว 7% โดยคาดเงินปันผลปี 58 ที่ 1.62 บาท/หุ้น ประกอบกับปัจจุบันการปลูกถั่วเหลืองในสหรัฐนั้นต่ำกว่าที่คาดไว้เพราะมีปัญหาฝนตกหนักในพื้นที่ปลูกถั่วเหลือง ช่วยเสริม sentiment บวกให้กับราคาถั่วเหลืองในระยะกลางถึงระยะยาวด้วย ดังนั้นค่อยๆเก็บสะสม TVO ถือยาวๆกินปันผลกันนะครับ




ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

+ "สมคิด" ชูนโยบายฟื้นความเชื่อมั่น เร่งแก้ปัญหาผู้มีรายได้น้อย-สร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจในประเทศ ฟื้น "โอท็อป-คลัสเตอร์อุตสาหกรรม" ทางด้านเอกชนชื่นชมมองปัญหาตรงจุด มั่นใจทำได้ เห็นผลชัดใน 3 เดือนทางด้านประธานใหญ่เวสเทิร์น ดิจิตอล ผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟเบอร์ 1 โลก ย้ำความเชื่อมั่นลงทุนต่อเนื่องในไทย ไม่หวั่นสถานการณ์บ้านเมืองเชื่อผ่านไปได้ดี เปิดแผนลงทุนปีหน้าหลังควบรวม "เอชจีเอสที" ขณะโรงงานฮิตาชิปรับแผนโยกไลน์ผลิตฮาร์ดดิสก์ไฮเอ็นด์จากสิงคโปร์มาไทย

- นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนก.ค. ยังคงติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 มีมูลค่า 18,223 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 3.56% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ในช่วง 7 เดือนของปีนี้การส่งออกมีมูลค่า 125,078 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 4.66% จากปีที่แล้ว ด้านศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์มองปีนี้อาการหนักเกินคาด

+ นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า จากการพูดคุยหารือกับทีมเศรษฐกิจ สิ่งที่รัฐบาลคาดหวังกับภาคธนาคาร คือ การปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น ซึ่งธนาคารได้ชี้แจงถึงข้อจำกัดจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ที่กระทบความสามารถในการชำระหนี้ ดังนั้น จึงได้มีแนวคิดที่จะร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการสนับสนุนให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลภาษี แนะนำการจัดทำงบการเงินที่ชัดเจน เพื่อแก้จุดอ่อนเรื่องงบการเงินของเอสเอ็มอี

ปัจจัยต่างประเทศ

+ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,654.77 จุด พุ่งขึ้น 369.26 จุด หรือ +2.27%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ รวมทั้งจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

+ ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่ง 212.83 จุด หรือ 3.56% ที่ 6,192.03 จุด

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) โดยหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์นำตลาดทะยานขึ้น ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สดใส หลังจากที่ก่อนหน้านี้ตลาดเผชิญแรงเทขายอย่างหนักในช่วงต้นสัปดาห์

+ ดัชนีนิกเกอิปิดพุ่งขึ้น 197.61 จุด หรือ 1.08% แตะระดับ 18,574.44 จุด

ดัชนีนิกเกอิพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เพราะลงทุนมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลก และได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข่าวธนาคารกลางจีนอัดฉีดเม็ดเงิน 1.50 แสนล้านหยวน หรือ 2.34 หมื่นล้านดอลลาร์ ผ่านทางข้อตกลงซื้อพันธบัตรโดยมีสัญญาขายคืน (reverse repo) อายุ 7 วัน ในวันนี้ หลังจากที่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย และปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

- สัญญาน้ำมันดิบ ส่งมอบเดือน ต.ค.พุ่งขึ้น 3.96 ดอลลาร์ ปิดที่ 42.56 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 4 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอุปสงค์พลังงานในสหรัฐ