นักวิเคราะห์มองการเมืองเมียนมาร์

นักวิเคราะห์มองการเมืองเมียนมาร์

นักวิเคราะห์มองการเมืองเมียนมาร์ไม่คืบหน้า กองทัพยังแทรกแซงอำนาจ

ในวันที่ 8 พ.ย.นี้ เมียนมาร์กำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปอย่างเสรีมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2533ซึ่งดูเหมือนจะเป็นใบเบิกทางสู่อนาคตอันสดใสของประเทศ แต่กลับต้องเผชิญความไม่แน่นอนหลังจากพรรครัฐบาลปลดนายฉ่วย มาน ออกจากตำแหน่งประธานพรรคแบบสายฟ้าแลบเมื่อวันพฤหัสบดี (13 ส.ค.) ที่ผ่านมา หลังจากหน่วยรักษาความมั่นคงบุกล้อมที่ทำการพรรคในกรุงเนปิดอว์

รัฐมนตรีสารสนเทศน์เมียนมาร์ “นายเย ทุต” เปิดเผยเมื่อวานนี้ (16 ส.ค.) ว่าประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ตัดสินใจปลดนายฉ่วย มาน ออกจากการเป็นประธานพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา หรือยูเอสดีพีเพราะเขาให้การสนับสนุนร่างกฎหมายที่สร้างความขัดแย้งในสภา และในช่วงหลังๆ ยังมีสัมพันธ์อันดีกับบรรดาแกนนำฝ่ายค้าน โดยเฉพาะนางออง ซาน ซูจี ซึ่งถือเป็นคำอธิบายที่ชัดเจนที่สุดจากรัฐบาลนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

ด้านนายขิ่น ซอว์ วิน ผู้อำนวยการสถาบันธรรมปฏิภา องค์กรอิสระเพื่อการปฏิรูปนโยบายการปกครองของเมียนมาร์วิจารณ์ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่าการปฏิรูปเมียนมาร์ยังไม่คืบหน้า เพราะกองทัพยังคงมีส่วนสำคัญในการแทรกแซงและยึดอำนาจจากผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญทางการเมืองเช่นในอดีตนอกจากนี้ยังเป็นการเปิดทางให้นายเต็ง เส่งได้เป็นผู้นำประเทศสมัยที่สอง เพราะคู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญของเขาถูกกำจัดแล้ว

ขณะที่นายคริสเตียน ลูอิส นักวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเมืองภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากบริษัทยูเรเซีย กรุ๊ปกล่าวว่า หากนี่เป็นวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนายเต็ง เส่ง ตอนนี้เขาก็กลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีที่แข็งแกร่งกว่าคู่แข่งทุกคนในสนามเลือกตั้งแล้ว เพราะแม้แต่นางอองซาน ซูจีก็ถูกห้ามลงเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ