แกว่งแคบกรอบ 1405-1430

แกว่งแคบกรอบ 1405-1430

เริ่มเก็บสะสมหุ้นเมื่อดัชนีปรับฐานลงแรง โดยเฉพาะเมื่อใกล้ 1400 จุด เก็งกำไรรายตัวระยะสั้น

UOBKH แนวโน้มตลาดวันนี้ โดย ยศพณ แสงนิล, CFA : แกว่งแคบกรอบ 1405-1430

วันนี้ตลาดไทยมีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบแคบ ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เบาบาง โดยขาดปัจจัยใหม่ๆมาสนับสนุน ส่วนการแถลงการณ์ของเฟดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาไม่ได้เปิดเผยแผนการณ์ที่ชัดเจนในการปรับขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากตัวเลขภาคแรงงานและเงินเฟ้อยังไม่ตรงตามเป้า ทางด้านข่าวการเสนอ 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคงช่วยพยุงตลาดได้แค่ชั่วคราว โดยหากราคาน้ำมันยังอ่อนแออยู่ SET Index ยังไม่น่าผ่านแนวต้าน 1430 ไปได้ง่ายๆ

แนวรับ/แนวต้าน : 1400/1430 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%

กลยุทธ์ : เริ่มเก็บสะสมหุ้นเมื่อดัชนีปรับฐานลงแรง โดยเฉพาะเมื่อใกล้ 1400 จุด เก็งกำไรรายตัวระยะสั้น เน้นหุ้นที่จะรายงานงบไตรมาส 2 ออกมาแข็งแกร่ง ส่วนระยะยาวเน้นปันผลสูงและ defensive เป็นหลัก

นักลงทุนระยะสั้น : DEMCO (17.50), PTTGC (76)

DEMCO (17.50) รอให้ลงมาต่ำกว่า 12 บาทตั้งนานละ ได้เวลาเริ่มเก็บ DEMCO กันให้จุใจเอาไว้เล่นสั้นกัน หลังจาก KPN ซื้อ Wind Energy Holding ไปแล้ว ก็คลายความกังวลไปได้เยอะ เพราะโครงการลมอีกเพียบจะเดินหน้าไปได้ต่อ และเราคาดว่างบจะเริ่มดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้เป็นต้นไป จากการ realize กำไรจากงาน Backlog ที่มีอยู่สูง ส่วนใครถือยาวได้ก็ยิ่งดี เพราะปีหน้ามีแผนนำ WEH เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ด้วยช่วยปลด lock value แถมปัจจุบัน P/E ต่ำสุดในกลุ่มเทียบกับคู่แข่งอย่างเช่น EA และ GUNKUL นะครับ

PTTGC (76) ยังเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนเช่นกัน UOBKH เราคาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 1/58 จะต่ำที่สุดของปีนี้ ธุรกิจโอเลฟินส์และ derivative จะยังเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตที่สำคัญในปี 58 ขณะที่ราคา HDPE ที่อยู่ในระดับสูงในปัจจุบันจะช่วยหนุนกำไรสุทธิของ PTTGC ให้มากขึ้นเนื่องจาก 60-65% ของกำไรสุทธิขึ้นอยู่กับราคา HDPE แถมราคาหุ้น PTTGC ณ ปัจจุบันซื้อขายในระดับถูกด้วย 2015F PE ที่ 8 เท่าเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 9 เท่าด้วย รอจังหวะย่อๆมาซัก 65 ซื้อเก็บกินปันผลหรือเล่นสั้นก็ได้นะครับ

นักลงทุนระยะยาว : ADVANC (270), EFORL (2.20)

ADVANC (270) UOBKH เรามองประเด็นบวกจากการประมูล 4G เป็นปัจจัยบวกที่สำคัญ อย่างที่เราเคยเก็บข้อมูลการประมูล 3G ที่ผ่านมาก็ทำให้ Telco sector ขึ้นมา 40-50%เลย ภายใน 7 วันหลังจากประมูลเสร็จ โดยเราเชื่อว่า AIS จะได้ประโยชน์จากการประมูลนี้ที่สุด เพราะจะลดความกังวลเกี่ยวกับ การขาดเเคลน spectrum โดยคลื่น 900 MHz ของ AIS จะหมดอายุสัมปทานเดือน ก.ย.ปีนี้ ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการของ AIS ก็น่าจะทำสถิติใหม่ได้ใน Q3-Q4 เพราะไม่ต้องบันทึกค่าเสื่อมจากคลื่น 900MHz ที่ปกติจะบันทึกประมาณ 2,000 ล้านบาท/ไตรมาส ดังนั้น AIS เป็นหุ้น Top pick ของเรา Target price 270 บาท ปันผลก็สูงด้วยอยู่ที่ 5%

EFORL (2.20) เราแนะนำค่อยๆเก็บและถือยาวหุ้นเล็กที่ไม่ธรรมดาตัวนี้ upside มโหฬารด้วยเป้า 2.20 ก็ปัจจัยบวกมันมีอยู่เพียบนี่:

• ทีมขายใหม่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับยอดขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ ณ. ปัจจุบัน 80% ของใบอนุญาติขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ถูกโอนจากเจ้าของบริษัทเดิมมายัง EFORL แล้ว ผู้บริหารคาดว่าใบอนุญาติทั้งหมดจะถูกโอนมายัง EFORL ได้ภายในไตรมาส 3/58 และเพื่อเป็นการเพิ่มยอดขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้มากขึ้น บริษัทฯ ได้รับพนักงานขายใหม่ (ซึ่งคิดเป็น 50% ของทีมขายเดิม) เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมและพร้อมที่จะขายผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ได้ในปีหน้า ดังนั้น เราคาดว่ายอดขายอุปกรณ์ทางการแพทย์จะเติบโตขึ้นต่อเนื่องได้ทีปีละ 10%

• เตรียมนำวุฒิศักดิ์เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ต้นปีหน้า Wuttisak Group Inter Holding (WGIH ซึ่ง EFORL เป็นเจ้าของที่ 60% และถือหุ้น 100% ในวุฒิศักดิ์) อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และคาดจะเริ่มซื้อขายใน SET ได้ในช่วงต้นปีหน้า โดยในช่วงของการกระจายหุ้น EFORL จะขายหุ้นบางส่วนของ WGIH ออกไปละโดยจะแบ่งหุ้นของ WGIH ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของ EFORL ที่ราคา IPO และจะนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นมาชำระหนี้สินที่ค้างอยู่ที่ 3,400 ล้านบาท

• มุ่งเน้นไปยังอัตราการทำกำไรของวุฒิศักดิ์ จากการที่สาขาทั้งหมดของวุฒิศักดิ์ คลินิก (EFORL ถือหุ้นอยู่ 60%) รวม 121 สาขา มีที่ตั้งอยู่ในเขตชุมชน และ พื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นแล้ว ในจังหวัดใหญ่ๆ ทั่วทั้งประเทศไทย และวุฒิศักดิ์ยังอยู่ระหว่างการ consolidation เพื่อพัฒนาอัตราการทำกำไร บริษัทฯ จึงยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มจำนวนสาขาในประเทศเพื่อเพิ่มยอดขายในขณะนี้ แต่บริษัทฯ จะมุ่งเน้นไปยังการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและเพิ่ม margin ให้สูงขึ้น ดังนั้น เราคาดว่ายอดขายของวุฒิศักดิ์ในปี 58 จะยังอยู่ที่ 2,800 ล้านบาทเหมือนในปี 57 อย่างไรก็ดี เราคาดว่า gross margin และ net margin ในปี 58 จะขยายตัวขึ้นอยู่ที่ 30% และ 15% จาก 27% และ 11% ในปี 57 ตามลำดับ สำหรับในปี 59 วุฒิศักดิ์ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายโดยการเพิ่ม SSSG และเปิดสาขาใหม่ในต่างประเทศ

• เตรียมขยายธุรกิจไปยังกลุ่มเครื่องสำอาง หลังถือหุ้น 51% ในบริษัท Siam Snail แล้ว EFORL ตั้งเป้าที่จะพัฒนาธุรกิจเครื่องสำอางโดยใช้เมือกจากหอยทากในประเทศไทย ในระยะใกล้ๆ นี้ (อาจจะในไตรมาส 3/58-4/58) บริษัท Siam Snail และบริษัทอื่นๆในเครือ จะมีการทำ JV กับโรงงานผลิตเครื่องสำอางในต่างประเทศเพื่อผลิตเครื่องสำอางร่วมกัน สำหรับการขายปลีกทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

ผลประทบต่ออนาคต ดังนี้ครับ:

• มี Upside จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมความงาม จากแผนการพัฒนาธุรกิจข้างต้น เราคาดว่าสัดส่วนของยอดขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ของ EFORL และยอดขายของวุฒิศักดิ์ในปี 58 จะอยู่ที่ 40% และ 60% ตามลำดับ สำหรับสัดส่วนกำไรสุทธิในปี 58 จากอุปกรณ์ทางการแพทย์และวุฒิศักดิ์คาดจะอยู่ที่ 25% และ 75% ตามลำดับ จากการที่บริษัทมีแผนการที่จะขยายธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์เสริมความงามด้วย เราจึงคาดว่ายอดขายและกำไรสุทธิของ EFORL จะเปลี่ยนจากสัดส่วนไปจากปัจจุบัน เรากำลังรอภาพรวมที่ชัดเจนขึ้นของการพัฒนาสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางของ EFORL ก่อนที่จะปรับเพิ่มประมาณการยอดขายและกำไรสุทธิ สำหรับในตอนนี้ เรายังคงประมาณการการเติบโตของยอดขายในปี 58 และ 59 เดิมไว้ที่ 249% และ 20% yoy ตามลำดับ และคาดกำไรหลักในปี 58 และ 59 จะเติบโตขึ้น 158% และ 36% yoy ตามลำดับ

• จะกลายมาเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้สินหลังจากขายหุ้นวุฒิศักดิ์บางส่วนออกไป หากเงินที่ได้จากการขายหุ้น WCIH บางส่วนออกไประหว่างการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เพียงพอที่จะชำระหนี้สินทั้งหมดของ EFORL ที่ 3,400 ล้านบาท EFORL จะกลับมามีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็งอีกครั้ง นอกจากนี้ยังจะช่วยเพิ่ม net margin รวมของ EFORL เนื่องจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ประมาณปีละ 220 ล้านบาทจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากนั้น EFORL อาจจะสามารถมองหาการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทฯ ต่อไป

ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุน

ปัจจัยภายในประเทศ

- เฟดยังไม่ส่งสัญญาณแผนขึ้นดอกเบี้ยระบุเศรษฐกิจ-ตลาดงานสหรัฐดีขึ้นต่อเนื่อง ด้านนักวิเคราะห์ชี้ใกล้เวลาปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกตั้งแต่เกิดวิกฤติ คาดเริ่มปรับเดือน ก.ย. ขณะนักเศรษฐศาสตร์เตือนรับมือค่าเงินผันผวน โบรกเกอร์คาดเงินไหลออกตลาดหุ้นไม่มาก มองพื้นฐานยังแข็งแกร่ง

- อีโค คาร์ ยอดขายในประเทศร่วงหนัก หันส่งออก ตลาดต่างประเทศแทนสูงดันยอดส่งออกพุ่ง 1.2 แสนคันขยายตัว 89% ระบุแนวคิดยืดเงื่อนไข ผลิต 1 แสนคันในปีที่ 5 สอดคล้องสถานการณ์ตลาดในประเทศ เหตุผลกระทบรุนแรงจากภาวะเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือน รถคันแรก

ปัจจัยต่างประเทศ

- ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,745.98 จุด ลดลง 5.41 จุด หรือ -0.03%

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 2 ที่ขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่น่าผิดหวังของเฟซบุ๊ก และพร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (พีแอนด์จี)

+ สัญญาน้ำมันดิบ ส่งมอบเดือน ก.ย.ลดลง 27 เซนต์ ปิดที่ 48.52 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (30 ก.ค.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อย เพราะตลาดได้รับแรงหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐร่วงลงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว