จับเพิ่ม! 'แก๊งชนตบทรัพย์' รับได้ค่าจ้างครั้งละ1000บ.

จับเพิ่ม! 'แก๊งชนตบทรัพย์' รับได้ค่าจ้างครั้งละ1000บ.

ตร.อุดรฯ จับเพิ่ม "แก๊งชนตบทรัพย์" รับได้ค่าจ้างครั้งละ1000บาท

หลังจากที่ตำรวจภูธร จ.อุดรธานี และ ตำรวจทางหลวง ได้จับกุม น.ส.ปวีณา เขียวคาม อายุ 21 ปี เลขที่ 112 บ.หนองโอน ม.7 ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมรถเก๋งโตโยต้า อัลตีส สีดำ ทะเบียน ญง 6966 กรุงเทพ , เงินสด 6,600 บาท และโทรศัพท์มือถือไอโฟน 6 พลัส ผู้ต้องหาคดี “กรรโชกทรัพย์” โดยใช้กลอุบายขับขี่รถยนต์ ให้เฉี่ยวชนกับรถผู้อื่น เพื่อข่มขู่เรียกรับค่าเสียหาย ขณะที่มีผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 ราย ที่เป็นคนขับรถตามหลัง ที่จะบีบแตรไล่รถของผู้เสียหายให้แซง จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ

 ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ต.อ.ณัฐนนท์ ประชุม ผกก.กก.1 บก.สส.ภ.4 , พ.ต.ท.กิตติพงษ์ จิตรคาม รอง ผกก. พร้อมกำลังตำรวจสืบสวนภาค 4 ได้ทำการจับกุม นายอภิชัย สัมฤทธิ์นอก อายุ 25 ปี อยู่ที่45/322 ซอย ม.พงษ์ศิริชัย 4 ถ.มาเจริญ แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาร่วมกันกับ น.ส.ปวีณา ที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี พร้อมทำการตรวจยึดรถกระบะ โตโยต้า วีโก้ 4 ประตู สีทอง ทะเบียน กข 7507 หนองบัวลำภู ที่ใช้ร่วมก่อเหตุ จากอู่ทำสีรถยนต์แห่งหนึ่ง ที่กำลังโป้วทำสีที่บริเวณแก้มหน้าด้านขวา และมีการถอดกระจังหน้า เพื่อเตรียมเปลี่ยนอะไหล่ใหม่

นายอภิชัย ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นลูกพี่ลูกน้องกับ น.ส.ปวีณา เป็นลูกของน้องสาวของแม่ของ น.ส.ปวีณา  และได้ร่วมกันก่อเหตุกรรโชคทรัพย์จริง ซึ่งส่วนใหญ่ตนจะเป็นคนขับรถที่อยู่ข้างหลังของเหยื่อ บีบแตรไล่ให้แซงรถที่ น.ส.ปวีณา  ขับอยู่ข้างหน้า โดยจะเลือกรถยนต์เก่าที่ดูไม่น่าจะทำประกันภัยเป็นเหยื่อ ที่ผ่านมาตนทำมาแล้วหลายครั้ง จะได้เงินส่วนแบ่ง ที่เรียกว่าเบี้ยเลี้ยงครั้งละ 500-1,000 บาท ส่วนรถยนต์เก๋งที่นำมาใช้เฉี่ยวชน เป็นรถของตน แต่มีชื่อแม่เป็นเจ้าของ ที่นำมาจากกรุงเทพฯ ด้วย

“เดิมผมเป็นคน จ.ร้อยเอ็ด รู้จักกับพวกในแก็งเดิมที่ถูกจับกุมไป รวมถึง น.ส.ปวิณา ที่เป็นญาติกันด้วย ก่อนหน้านี้เปิดร้านขายอาหารที่กรุงเทพฯ แต่ร้านเจ้ง จึงกลับมาบ้านที่ จ.ร้อยเอ็ด และมาเจอกับ น.ส.ปวีณา และได้มาชวนให้มาลองทำชนแล้วตบทรัพย์ดูบ้าง ซึ่งเห็นว่าได้เงินง่าย จึงยอมทำตาม โดยใช้รถเก๋งโตโยต้า อัลติส สีดำ ของผมมาใช้ก่อเหตุหลายครั้ง ซึ่งก็ได้เงินบ้าง ไม่ได้เงินบ้าง และอะไหล่ที่จะใช้ซ่อมไม่แพง ส่วนรถกระบะอีกคัน เป็นของ น.ส.ปวีณา ที่ไว้ใช้ตามหลังเหยื่อ ซึ่งช่วงที่มีการจับกุมตอนนั้น ผมและ น.ส.ปวีณายังไม่เคยก่อเหตุ เพิ่งจะมาลองทำในช่วงไม่กี่เดือนมานี่”

 นายอภิชัย บอกอีกว่า เมื่อลงมือก่อเหตุ เราจะใช้ความเร็วไม่มาก เพราะกลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุจริงแบบร้ายแรง ที่จะทำให้เหยื่อบาดเจ็บหรือเสียชีวิต แต่ที่ลงมือทำก็ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุใหญ่ ๆ และส่วนใหญ่เหยื่อไม่ค่อยจะแจ้งความ เพราะยอมจ่ายเงินเพื่อความสะดวกไม่ต้องขึ้นโรงพัก เมื่อถูกจับพร้อมรับผิดตามกฎหมาย

 โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ เตรียมนำตัวนายอภิชัย ส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.โนนสะอาด เพื่อสอบปากคำ และส่งตัวดำเนินคดีต่อไป