หนุ่ย-นันทกานต์ ชีวิตมีเรื่องมหัศจรรย์เสมอ

หนุ่ย-นันทกานต์ ชีวิตมีเรื่องมหัศจรรย์เสมอ

จากคนที่เคยเกือบตายเพราะมะเร็ง ผ่านไป 12 ปีมะเร็งไม่ได้ฆ่าเธอ แต่กลับสอนให้ หนุ่ย-นันทกานต์ เป็นคนที่มีชีวิตอยู่กับปัจจุบันได้อย่างสุขสุดๆ

เมื่อ 13 ปีก่อน โรคมะเร็งน้ำเหลืองทำให้นักร้องสาวเท่คนหนึ่งต้องเกือบหมดอาลัยตายอยากกับชีวิต แต่เพียงได้สบตากับ 'มะเร็ง' ไม่นานเลือดนักสู้ของ หนุ่ย-นันทกานต์ ฤทธิวงศ์ ก็กระตุ้นให้สู้ และมีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็ง หลังจากนั้นเพียงปีเดียวเธอก็เอาชนะมะเร็งได้อย่างเหลือเชื่อ
ถึงแม้มะเร็งจะหายไปแต่ก็ได้ทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้ แน่นอนว่าต้องมีเรื่องปัญหาสุขภาพที่ไม่ดีเหมือนเก่า แต่ที่มะเร็งมอบให้ไว้อีกอย่างคือ สร้างทัศนคติเชิงบวกแก่หนุ่ยจนกระทั่งวันนี้ กลายเป็น 12 ปีที่เธอกลับมาเป็นหนุ่ย-นันทกานต์คนเดิม ไม่สิ...ดีกว่าเดิม

๐ หลังจากป่วยต้องใส่ใจเรื่องอาหารการกิน?
ถ้ากินอาหารเพื่อสุขภาพได้จะดีมาก แต่ว่าถ้าไม่ได้จริงๆ ก็พยายามปรับเปลี่ยนให้โอเคที่สุดก็มีแอบอยากกินบ้าง อย่างเนื้อสัตว์เนื้อวัวที่ไม่กินเพราะมันเป็นสัตว์ใหญ่ ย่อยยากและรู้สึกต่อจิตใจ เพราะวันที่ป่วยวันแรกเราได้ปล่อยโคกระบือ แล้วก็ปล่อยต่อมาเรื่อยๆ เกือบทุกปี ร่วมกับคนอื่นบ้าง เป็นเจ้าภาพเองบ้าง บอกตรงๆ ว่าเป็นคนชอบกินเนื้อมาก่อน ไปเมืองนอกแล้วสเต็กเนื้ออร่อย พอเลิกกินแล้วเห็นคนอื่นกินก็อยากกิน แต่พอลองเอาใส่ปากก็เหม็น กินไม่ได้แล้ว
ก็จะมีทั้ง ลด ละ เลิก ลดพวกอาหารที่มีผลและความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง พวกอาหารที่ประกอบด้วยดินประสิว อาจฟังแล้วดูแปลก แต่มันคือสารประกอบที่อยู่ในอาหารจังก์ฟู้ด เช่น ไส้กรอก ลูกชิ้น เบคอน ซึ่งเป็นของโปรดเราเลย เค็มๆ ง่ายๆ หลายคนชอบ อันนี้ยังไม่เลิกขาด เพาะเวลาไปเที่ยว ที่โรงแรมก็กินบ้างนิดหน่อยเป็นอาหารเช้า แต่โดยปกติที่บ้านก็ไม่กินอยู่แล้ว

๐ ไม่ตึงมาก?
ไม่ตึงค่ะ ก็คือทางสายกลางมากกว่า แต่ให้ไปกินเหมือนเดิมคงทำไม่ได้เพราะมันเสี่ยง เพราะการกินมีผลต่อร่างกายชัดเจน อีกอันหนึ่งที่ต้องเลิกเลยคืออาหารฮอร์โมน เช่น ไก่ บางคนคิดว่าเป็นมะเร็งแล้วกินไก่ก็ดีเพราะเนื้อขาว แต่หมอบอกว่าไก่มีผลมากต่อผู้หญิง มันทำให้เป็นมะเร็งเกี่ยวกับผู้หญิงได้ง่าย เช่น มะเร็งเต้านม นี่ชัดเจนมากเพราะก้อนเนื้อจะเกิดขึ้นได้ง่าย พอเกิดง่ายโอกาสเป็นเนื้อร้ายก็มีมาก โดยเฉพาะไก่ที่เป็นไก่เลี้ยงในฟาร์มจะมีฮอร์โมนเยอะมากจากการเลี้ยงแบบตัดขั้นตอน ขายังไม่ทันงอกก็เอาอกมาใช้ก่อน ซึ่งมันไม่ดี อันนี้ต้องเลิกเลย

๐ สมดุลอย่างไรให้ไม่ตึงหรือหย่อนเกินไป?
สิ่งที่มีแนวโน้มที่ทำให้ป่วยต้องเลิกไปเลย แต่สิ่งไหนที่ไม่ชัดเจนอย่างเช่นถ้ากินเบคอนแล้วจะเป็นมะเร็งทันทีก็ยังไม่มีข้อสรุปขนาดนั้น แค่อาหารแปรรูปย่อมไม่ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าจำเป็น เช่น น้ำท่วมบ้านหรือเข้าป่าก็ต้องกินไปก่อน เราต้องแยกแยะให้ได้ว่าความจำเป็นไหนมาก่อน แต่ถ้าในยามที่สะดวกจะเลือกก็ควรเลือกสิ่งที่ดี เท่านั้นเอง

๐ ย้อนไปในวันที่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง ความคิดติดลบไหม?
เบลอ งง เสียใจอย่างเดียว แต่สุดท้ายแล้วเราเป็นคนที่ต้องเดินต่อไป จึงเลิกร้องไห้ เลิกถามตัวเองว่าทำไมต้องฉัน แต่ก็แค่คืนนั้น เสียใจที่โรงพยาบาลกลับบ้านก็อาจเอาเท้าก่ายหน้าผากหน่อย แล้วสรุปกับตัวเองว่าฉันเดินต่อไปนะ พรุ่งนี้จะไปรักษาต่อนะ แล้วคอยถามตัวเองตลอดว่าอย่างไรต่อ
บางคนงงเป็นเดือนเป็นปี ไม่ยอมรักษา หนีไปปลีกวิเวก ซึ่งมันทำให้จากขั้นแรกลุกลามไปจนรักษาไม่ทัน แต่เราไม่เอาเลย ตัดสินใจว่าจะเคลียร์งานให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ รับงานอะไรไว้เล่นให้หมด แล้วก็เข้าไปรักษา

๐ คิดเป็นขั้นตอนได้อย่างไร ทั้งที่มะเร็งคือปัญหาใหญ่?
อย่าไปทำให้มันใหญ่ มันอยู่ที่วิธีคิด บางทีเรื่องใหญ่ของเราเป็นเรื่องเล็กของคนอื่น ความสำคัญไม่เท่ากัน สมมติเราเป็นมะเร็ง แต่ตอนนั้นน้ำกำลังท่วมประเทศ เรากลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ เขาไม่สนใจเราหรอก เพราะฉะนั้นก็อย่าไปทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ต้องทำให้เป็นเรื่องธรรมดาแล้วก็แก้ไขกันไป
คนเราเกิดมาต้องคิดนะว่า คนไหนที่ไม่เคยแก้ปัญหาแสดงว่าคุณไม่มีอะไรทำเลย แต่คนที่เกิดมาเพื่อแก้ปัญหาแสดงว่าคุณกำลังทำอะไรทุกวัน คุณกำลังมีอะไรทำ ซึ่ง ณ วันนั้นปัญหาของเราเป็นปัญหาส่วนตัว ไม่ใช่ปัญหาของสังคมหรือของใครทั้งนั้น มันก็เป็นเรื่องเล็กๆ ที่เราต้องดูแลและแก้ปัญหาให้ได้
พอได้แก้ปัญหาของเราก็เท่ากับได้แก้ปัญหาของครอบคัรวด้วย เพราะครอบครัวเดือดร้อน ไม่มีความสุข บรรยากาศทุเรศมาก ไม่สนุกเลย จากที่เคยเป็นคนทำให้บ้านมีความสุข หัวโจกดันมาป่วยก็จำเป็นต้องรีบหาย

๐ หาที่ยึดเหนี่ยว?
พอรู้ว่าเป็นมะเร็ง ตื่นมาอีกวันสิ่งแรกที่ทำคือไปทำบุญเลย อุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร เคยทำอะไรทั้งรู้ก็ดี ไม่รู้ก็ดี เคยทำอะไรกับคุณมากี่ภพกี่ชาติ ใครบ้าง ขออโหสิกรรมด้วยการมีส่วนร่วมในบุญแรก เปิดฉากบุญไปก่อน นับจากวันนั้นจนวันนี้สมุดบัญชีบุญต้องมีเป็นหลายเล่มน่ะ ไม่ได้ทำแบบสะเปะสะปะ แต่ทำแบบจริงใจ ตั้งใจทำ เมื่อก่อนทำให้ตัวเองแต่ตอนหลังสิ่งที่ลืมไม่ได้ คือการแผ่เมตตา ทำอะไรก็ตามเราก็แผ่เมตตาให้ทุกคน แต่ดาวเด่นคือเจ้ากรรมนายเวรเจ้าเกณฑ์ชะตา

๐ ก่อนป่วยก็ทำบุญอยู่แล้ว?
ทำ แต่ทำแค่ฉันคนเดียว ไม่รู้จักรายละเอียดลึกซึ้งพอ แค่ได้ชื่อว่าเป็นคนพุทธ สวดมนต์เป็นแต่ไม่รู้ว่าสวดเพื่ออะไร แล้วเหมือนถึงเวลาที่เราต้องซึมซับกับอะไรสักอย่างจริงๆ จังๆ มะเร็งมาช่วยเปลี่ยนชีวิต เป็นวิกฤติที่ก่อให้เกิดโอกาสดีๆ แก่เราในวันต่อมา
ไม่เคยโกรธมะเร็ง ยิ่งอยู่ยิ่งรู้สึกว่าไม่ได้โกรธ แต่ก็ไม่ได้รักนะ แต่อย่างว่าแหละชีวิตต้องโดนอะไรเด็ดๆ ถึงจะจริงจัง เราก็คิดแง่บวกว่ามะเร็งอาจทำให้ไม่เหมือนเดิมหลายอย่าง การกินอยู่ ความแข็งแรง อาจจะไม่เหมือนเดิม ก่อนนี้อาจจะกินอะไรก็ได้ข้างถนน กินดึก นอนดึกอย่างไรก็ได้ แต่เดี๋ยวนี้เซลล์ของเราถูกทำลายด้วยคีโม มันก็เปลี่ยนไป เราก็กลายเป็นคนอ่อนแอขึ้น แพ้ง่ายขึ้น แต่พอเวลาผ่านไปอะไรๆ ก็เข้าที่ แข็งแรงขึ้น แต่มันก็ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง

๐ มะเร็งได้เปิดโลกทั้งความคิดและในชีวิต?
ใช่ พอป่วยแล้วไม่สนเลยว่าถ้าพรุ่งนี้เกิดอะไรขึ้นอีกเราก็ไม่เสียใจแล้ว ได้ทำบุญ ได้ชวนคนทำบุญ ได้ทำกุศล ได้ทำทาน ได้ช่วยสังคม ได้เที่ยวในที่ที่อยากไปหลายทวีปแล้ว มีความรู้สึกว่า 12-13 ปีนี้มันกำไรล้วนๆ เพราะวันนั้นจวนเจียนตายแล้ว ตายโดยที่ไม่ได้ทำอะไรที่ดีตั้งเยอะ เราไม่ได้มีเงินเยอะนะแต่ที่กล้าเที่ยวเพราะหนึ่งเราทำงานแล้วไม่อยากคิดว่าต้องรอเก็บเงินให้เยอะก่อนแล้วค่อยไป เพราะชีวิตบอกว่าไม่รู้จะเป็นอะไรอีก สิ่งนี้ทำให้เราไม่คิดหนักที่จะออกเที่ยว และขออยู่กับปัจจุบัน

๐ นอกจากมะเร็งแล้ว มีอะไรที่ทำให้เป็นทุกข์อีก?
มีเยอะแยะ ความทุกข์มีทุกวัน มะเร็งเป็นเรื่องใหญ่ในความเป็นอยู่ การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แต่ก็พิสูจน์ว่าคนที่แข็งแรงสุขภาพดี ดีที่สุดแล้ว เพราะต่อให้มีเงินทองขนาดไหน แต่ขี้โรค อย่างไรก็ไม่มีความสุข ถ้าต้องเลือกให้แข็งแรงแต่จนก็ต้องยอมเลือก
ในความเป็นจริงไม่ต้องขนาดนั้นหรอก ถ้าสุขภาพแข็งแรงแล้วอยากร่ำรวยก็ขยันทำมาหากิน ส่วนคนที่มีเงินอยู่แล้วแต่ไม่แข็งแรงก็ออกกำลังกาย กินดีๆ อย่าไปกินอะไรไม่รู้ที่ทำให้เป็นโรค อยู่ที่วิธีการว่าคนเราจะเดินไปที่ตรงกลางได้อย่างไร

๐ มีหนังสือเล่มที่สองซึ่งห่างจากเล่มแรก 12 ปี?
หนังสือเล่มแรก (365 วันมหัศจรรย์ ของ หนุ่ย นันทกานต์) เหมือนเล่าเรื่องแผลสดว่ารักษาอย่างไร ฉันโดนอะไรบ้างแล้วก็ทิ้งท้ายว่าคีโมหมดแล้ว ฉายแสงเสร็จแล้ว ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ ถ้าความมหัศจรรย์มีจริงเราคงได้เจอกันอีก มันก็มีความมหัศจรรย์จริงๆ เพราะ 13 ปีมาเรายังอยู่นี่ ก็เลยได้มาเขียนต่อ
เราทุ่มเทมากเลยนะเล่มนี้ (12 ปี มหัศจรรย์ของ หนุ่ย นันทกานต์ ฤทธิวงศ์) เพราะตั้งใจให้เป็นวิทยาทานเช่นเดิม และไม่คิดว่าตัวเองจะเขียนได้เพราะต้องย้อนกลับไป 12 ปี เราจะคิดได้อย่างไร ตอนแรกไม่รับปากเลยว่าจะเขียนได้หรือเปล่าเพราะมันยากจริงๆ แต่พอลองแล้วเริ่มไหล ก็เลยไปยาว นั่งเขียนแบบไม่ทำอย่างอื่นเลยสามเดือนครึ่ง ไปต่างประเทศก็พกไอแพดไปด้วย เติมๆ บนเครื่องบิน เขียนไปทั้งหมดไม่ใช่เรื่องการรักษาตัวล้วนๆ แต่สิ่งที่มีเยอะในเล่มนี้คือ สัจจธรรมและธรรมะที่สอดแทรกไว้ทั้งเล่ม
ชีวิตคนนอกเหนือจากการป่วยแล้ว ความทุกข์เกิดจากหลายสาเหตุ ไม่สมหวังในความรัก ความไม่แน่นอนในอาชีพ ความไม่แน่นอนในลาภยศสรรเสริญ ความไม่แน่นอนในโลกมายา ไปจนถึงความมหัศจรรย์ที่อยู่รอบๆ มันเป็นเหมือนการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงจากคนๆ หนึ่ง เด็กๆก็อ่านได้เพราะบางตอนไปเจอเรื่องของเด็ก เช่น ปลาในมหาสมุทรอินเดีย เด็กอ่านก็น่าจะชอบ

๐ โครงการ Cancer Project : Live a wonderful life?
ถือเป็นโครงการนำร่องโดยเริ่มที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้รับการสนับสนุนจากสำนักพิมพ์สามสี เพื่อมอบหนังสือทั้งสองเล่มของเราให้แก่โรงพยาบาล ซึ่งจะมอบต่อให้แก่ผู้ป่วยมะเร็งยากไร้ เพราะหลังจากที่ผ่านพ้นเหตุการณ์การเจ็บป่วยมาได้ เราก็ต้องการที่จะทำประโยชน์ตอบแทนสังคม ซึ่งรอบแรกได้ผ่านไปแล้ว รอบสองนี้อยากจะเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลอื่นเพื่อให้ผู้ป่วยคนอื่นมีโอกาสอีก
สนใจมอบหนังสือให้ผู้ป่วยมะเร็งยากไร้ติดต่อได้ที่ คุณมุทิตา แก้วนอก สำนักพิมพ์สามสี 08 0203 5778 ตอนนี้ก็มียอดแล้วประมาณ 400 เล่ม ถ้ามีเพิ่มเติมอีกก็น่าจะอีกสองเดือนก็ได้มอบกัน
...
วันเวลาผ่านมา 12 ปีแล้วที่ 'หนุ่ย-นันทกานต์' ต่อสู้กับโรคร้ายจนหายขาด สิ่งที่เธอแสดงให้เห็นเสมอมาทำให้รู้ว่าในวินาทีต่อๆ ไป ไม่ว่าจะกี่ปี เธอก็จะยังมีชีวิตที่ 'สุข' และ 'มหัศจรรย์' อย่างนี้แน่นอน