สั่งจับตาดีมานด์เทียมหวั่นทิ้งดาวน์คอนโดฯ

สั่งจับตาดีมานด์เทียมหวั่นทิ้งดาวน์คอนโดฯ

นายก ส.อาคารชุด แนะจับตาดีมานด์เทียมเข้าซื้อเก็งกำไรคอนโดมิเนียม หวั่นเกิดการทิ้งเงินดาวน์ มั่นใจโอกาสเกิดฟองสบู่ยังมีน้อย

นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย และกรรมการผู้จัดการ บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท กล่าวว่า ปัจจุบันพบดีมานด์เทียมเข้าซื้อเก็งกำไรในโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นเป็น 10-15% จากเดิมที่ต่ำกว่าระดับดังกล่าว โดยเฉพาะในกลุ่มโครงการระดับกลาง-บน ที่มีมูลค่าการเปิดตัวค่อนข้างมากในปีนี้ ทำให้กังวลว่าจะมีการทิ้งเงินดาวน์ รวมถึงจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาคอนโดมมิเนียม และที่ดินปรับตัวสูงขึ้น

โดยคาดว่าปีนี้ยอดโอนคอนโดมิเนียม จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 1.8 แสนล้านบาท มากกว่าปี 55 ที่อยู่ระดับ 1.6 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการโอนโครงการที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในปี 2556 ทำให้เลื่อนก่อสร้างเป็นจำนวนมาก และมาแล้วเสร็จพร้อมกันในปีนี้ ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่จะทยอยโอนในช่วงครึ่งปีหลัง

สมาคมฯ ได้ปรับเพิ่มเป้ามูลค่าโครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ปีนี้เป็น 1.8 แสนล้านบาทเติบโต 27% จากเดิมคาดจะเติบโตเพียง 4% เนื่องจากในช่วงครึ่งปีแรกมีการเปิดตัวโครงการใหม่ถึง 1.01 แสนล้านบาท เติบโต 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เน้นเจาะลูกค้าระดับบน ราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากกำลังซื้อของกลุ่มนี้ ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่หนีจากดอกเบี้ยเงินฝากต่ำเข้ามาซื้อเก็งกำไรในคอนโดมิเนียม


อย่างไรก็ตามมองว่า การเกิดฟองสบู่ในตลาดคอนโดมิเนียมยังมีความเป็นไปได้น้อย เนื่องจากผู้ประกอบการ ผู้รับเหมา รวมถึงธนาคารพาณิชย์ มีความแข็งแกร่งกว่าปี 40 ที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ขณะที่มีการควบคุมด้านสินเชื่อมากยิ่งขึ้น ทำให้โอกาสที่จะถูกบังคับขาย หรือ หนี้เสียมีน้อยลง รวมไปถึงปัจจุบันอุตสาหกรรมมีระบบเตือนภัยที่เข้มข้น ด้วยการแจ้งข้อมูลตัวเลขต่างๆ ที่ผิดปกติอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ผู้เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภาวะปัญหาต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น

“ยอมรับว่าตลาดคอนโดฯขณะนี้โตผิดปกติ และมีความเป็นห่วงว่า ถ้าเศรษฐกิจชะลอตัวยาวนาน อาจส่งผลกระทบในปี 2560 เนื่องจากเป็นปีที่มีการโอนคอนโดเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลานั้น อาจมีการทิ้งจองทิ้งเงินดาวน์ ซึ่งอาจกระทบต่ออุตสาหกรรมทั้งระบบได้เพราะมูลค่ามหาศาลเกือบ 2 แสนล้านบาท”