TOP 3 งานสร้างบ้านสำเร็จรูป โจทย์ท้าทาย DAII

TOP 3 งานสร้างบ้านสำเร็จรูป โจทย์ท้าทาย DAII

'ไดอิ กรุ๊ป' หุ้นน้องใหม่ไอพีโอ จ่อเข้าตลาด 23 ก.ค.2558 'ธวัช มีประเสริฐสกุล' กรรมการผู้จัดการ การันตี 5 ปี รายได้แตะ 'พันล้านบาท'

'5 ปีข้างหน้า (2558-2562) ต้องขึ้นแท่นเบอร์ 1 หรือ 2 ในธุรกิจรับสร้างบ้านสำเร็จรูป' เป้าหมายในอนาคตน้องใหม่หุ้นไอพีโอที่กำลังจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ภายใน 23 ก.ค.นี้ บมจ.ไดอิ กรุ๊ป หรือ DAII ผู้ประกอบการผลิตและจําหน่ายผลิตภัณฑ์รั้วสําเร็จรูป รับสร้างบ้าน และจําหน่ายผลิตภัณฑ์ประตู และหน้าต่างอลูมิเนียม

ก่อน 'ไดอิ กรุ๊ป' จะก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2537 'ธวัช มีประเสริฐสกุล' กรรมการผู้จัดการ DAII ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่สัดส่วน 52.64% (ตัวเลขหลังเสนอขายหุ้น IPO) เคยจับมือกับเพื่อนสนิทสมัยเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ 'นพดล ตัณศลารักษ์' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.มาสเตอร์แอด หรือ MACO เพื่อร่วมกันก่อตั้ง MACO

ในยุคเศรษฐกิจไทยตกต่ำปี 2540 'ไดอิ กรุ๊ป' ประสบปัญหาไม่สามารถเรียกเก็บเงินจากลูกค้าได้ แต่กิจการสะดุดอยู่ได้ไม่นาน 'ธวัช' ตัดสินใจหันมาปรับปรุงเครื่องจักร เพื่อผลิตรั้วสำเร็จรูปแทนงานชิ้นส่วนคานเสาสำเร็จรูป ซึ่งเป็นธุรกิจแรกเริ่ม หลังไปเห็น 'รูปรั้วสำเร็จรูป' ในอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นรั้วที่ได้รับความนิยมในต่างประเทศ เช่น อเมริกา , ยุโรป และแอฟิกาใต้

ช่วงแรกของการทำธุรกิจ เขายอมรับว่า ก่อนจะประสบความสำเร็จ สินค้าเป็นที่นิยมธุรกิจเคยตกอยู่ในภาวะล้มลุกคลุกคลานมาก่อน ซึ่งกว่าสินค้าจะเข้าไปอยู่ในใจลูกค้าต้องใช้เวลานานกว่า 5 ปี เนื่องจากผลิตภัณฑ์รั้วสำเร็จรูปเป็นสินค้าทดแทนแบบรั้วก่อสร้างเดิมที่ใช้แรงงานก่อสร้าง ซึ่งผลิตภัณฑ์รั้วสำเร็จรูปใช้เวลาก่อสร้างเพียง 7 วัน ขณะที่ก่ออิฐฉาบปูนต้องใช้เวลานาน 1 เดือน

'กรรมการผู้จัดการ' เล่าแผนอนาคตให้  'กรุงเทพธุรกิจ Biz Week' ฟังว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า เราอยากเห็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจรับสร้างบ้านขยายตัวขึ้นจาก 46.61% เป็นประมาณ 60% ที่เหลือจะเป็นรายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์รั้วสำเร็จรูป ธุรกิจผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างอลูมิเนียม และธุรกิจขายสินค้าออนไลน์

ทั้งนี้เนื่องจากตลาดรับสร้างบ้านมีมูลค่าใหญ่กว่า 5 หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่มูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์รั้วสำเร็จรูปมีมูลค่ารวมเพียง 5,000 ล้านบาทต่อปี ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์รั้วสำเร็จรูป 46.61% ธุรกิจผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างอลูมิเนียม 7.18%

เมื่อถามกลยุทธ์การขยายตัวในแต่ละธุรกิจ เขา เล่าว่า  สำหรับธุรกิจรับสร้างบ้านสำเร็จรูป เราตั้งเป้าการเติบโตไว้ปีละประมาณ 30% ปัจจุบันมีโรงงานสร้างบ้านสำเร็จรูป 1 โรงงาน กำลังการผลิตสร้างบ้านสำเร็จรูปประมาณ 150 หลัง คิดเป็นยอดขาย 300 ล้านบาทต่อปี

ล่าสุดอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 2 มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาส 3/2558 ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีกำลังการผลิตสร้างบ้านสำเร็จรูปประมาณ 150 หลัง คิดเป็นยอดขาย 500 ล้านบาทต่อปี

ขณะเดียวกันยังสามารถสร้างบ้านได้หลังใหญ่กว่าโรงงานแห่งแรก และยังสามารถก่อสร้างบ้านได้ประมาณ 11 แบบ ซึ่งใช้เวลาในการสร้างบ้านสำเร็จรูปเพียง 4 เดือน แตกต่างจากปัจจุบันที่จะใช้เวลาสร้างบ้านหนึ่งหลังประมาณ 10 เดือน ทั้งนี้คาดว่าเมื่อโรงงานแห่งที่ 2 ก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้บริษัทมียอดแบ็กล็อกเติบโต 200% ล่าสุดเรากำลังจะก่อสร้างโรงงานแห่งที่ 3 จังหวัดระยอง

'ธุรกิจรับสร้างบ้านสำเร็จรูปกำลังมาแรง อาจเป็นเพราะว่าเรามีเทคโนโลยีขั้นสูงในการสร้างบ้านจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งในอนาคตหากเรามีโรงงานทั่วประเทศ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะตั้งราคาขายบ้านในราคาเดียวกันทั่วประเทศ'

นายใหญ่ เล่าต่อว่า สำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์รั้วสำเร็จรูป เราตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปีละ 10% ในแง่ของความหลากหลายของรั้ว บริษัทถือเป็นเบอร์ 1 ในประเทศไทย แต่ปัจจุบันยังมียอดขายไม่มาก เพราะมีฐานการผลิตอยู่เฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่เมื่อได้เงินจากขายหุ้นไอพีโอก็จะขยายตัวออกไปตั้งโรงงานตามภูมิภาค เบื้องต้นมีแผนจะตั้งโรงงานใหม่ 4-5 แห่งทั่วภูมิภาค เฉลี่ยปีละแห่ง

โดยในปีนี้จะขยายโรงงานแรกในจังหวัดระยอง คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จปลายปีนี้ ใช้เงินลงทุน 50 ล้านบาท กำลังการผลิต 1 โรงงาน ประมาณ 1 แสนตารางเมตรต่อปี ซึ่งทำให้กำลังผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 5 แสนตารางเมตรต่อปี  สเต็ปต่อไปคาดว่าจะขยายตัวออกไปตั้งโรงงานในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา   

'ตามแผนงาน ภายใน 5 ปีข้างหน้า จะมีโรงงานในประเทศ 5 แห่ง และภายใน 3 ปี จะมี 3 แห่ง ในต่างประเทศ โดยในส่วนของต่างประเทศ เรามองการลงทุนแห่งแรกในประเทศเวียดนาม ส่วนประเทศต่อไปจะเป็นที่ไหน ล่าสุดกำลังศึกษาประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย จีน และอินเดีย'

ส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์ประตูและหน้าต่างอลูมิเนียม วางแผนการเติบโตปีละ 10% ปัจจุบันเราเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับประเทศญี่ปุ่น ขณะเดียวกันยังมีพันธมิตรที่ผลิตประตูหน้าต่างสำเร็จรูปแบบเฉพาะให้กับบริษัทด้วย

'5 ปีข้างหน้ารายได้รวมจะต้องแตะระดับ 'พันล้านบาท' หรือเติบโตเฉลี่ยปีละ 20% โดยสัดส่วนรายได้หลักจะมาจากธุรกิจรับสร้างบ้าน ที่เหลือจะมาจากธุรกิจรั้วสำเร็จรูป ประตูหน้าต่างอลูมิเนียมสำเร็จรูป รวมไปถึงการขายผ่านออนไลน์' 'ธวัช' พูดย้ำ

หุ้นใหญ่ พูดถึงธุรกิจขายสินค้าผ่านออนไลน์ปิดท้ายว่า ในอนาคตจะเป็นช่องทางการขายหลัก เนื่องจากเป็นช่องทางที่ทันสมัย โดยปีแรกเราสามารถทำยอดขายผ่านออนไลน์ได้ถึง 7 แสนบาท ผ่านมาถึงปี 2557 มียอดขาย 14 ล้านบาท ฉะนั้นบริษัทคงต้องเพิ่มสินค้า และต้องมีโกดังเก็บสินค้าด้วย ปัจจุบันได้จ้างบริษัทอื่นผลิตสินค้า เพื่อมาติดแบรนด์ของตัวเอง เราวางเป้าหมายว่า ปีนี้จะมียอดขายจากออนไลน์ 'ร้อยล้าน'