'เพื่อไทย' ชี้เศรษฐกิจน่าห่วง ส่งออกทรุด-ภัยแล้งซ้ำ

'เพื่อไทย' ชี้เศรษฐกิจน่าห่วง ส่งออกทรุด-ภัยแล้งซ้ำ

พรรคเพื่อไทย ประเมินเศรษฐกิจครึ่งปีหลังน่าห่วง ส่งออกทรุด บวกภัยแล้งซ้ำอีก หวั่นจับ14 นักศึกษา อาจทำเสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทยและอดีตส.ส.กทม. กล่าวว่า คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย ขอเตือนคณะรัฐมนตรี(ครม.)ชุดนี้ให้เตรียมตัวรับมือให้ดี ภาวะเศรษฐกิจครึ่งปีหลังนี้ อย่าลอยตัวและอย่าเห็นว่ามีแนวหน้ารับทุกเรื่องอย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว จะสบายๆ ที่สำคัญหากทำงานแบบคิดว่าไม่มีฝ่ายค้านตรวจสอบแล้วจะทำงานแบบ ชิลๆ ได้ สุดท้ายการเมืองจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ปากท้องประชาชน ต่างหากจะเป็นเรื่องใหญ่กว่า

ทั้งนี้จากการติดตามการทำงานโดยทีมเศรษฐกิจพรรคเห็นว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังนี้ ส่อแววอาการหนัก เห็นได้จากรายงาน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงต่ำสุดในรอบ 12 เดือน ประกอบการส่งออกที่ติดลบ ตลอด 5 เดือน และยอดขายรถยนต์ 5 เดือนในประเทศถดถอยอย่างหนัก แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่อ่อนด้อยในการบริหารเศรษฐกิจของครม.ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่เข้าสู่ภาวะครม.ที่โลกลืม และยิ่งมาเจอกับภาวะภัยแล้ง ที่ตลอดเวลาได้ยินแต่ความเสียหายแต่ยังไม่เห็นว่ารัฐบาลจะมีแนวทางในการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไรยิ่งน่ากังวลใจ หากปล่อยครม.ชุดโลกลืมทำต่อระวัง3 เดือนเศรษฐกิจไทยเจ๊ง

นอกจากนี้ในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้ ผลกระทบจากภัยแล้ง ราคาสินค้าการเกษตร ทุกชนิดตกต่ำ จะส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรลดลงอย่างน่าใจหาย และจะเกิดภาวะชักหน้าไม่ถึงหลังประกอบกับนโยบายด้านราคาสินค้าการเกษตรที่ยังแกว่งไกว 1 ปียังไม่มีอะไรชัดเจนแล้วเกษตรกรเหล่านี้จะอยู่ได้อย่างไร รังแต่จะเพิ่มสถิติเกษตรกรฆ่าตัวตายมากขึ้น และยิ่งจะตอกย้ำปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้ดิ่งเหวเร็วขึ้น และจะส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลและอาจทำให้เกิดภาวะรัฐบาล “บักโกรก ไส้แห้ง ถังแตก ตูดขาด”ได้

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ไม่เข้าใจว่าที่ผ่านมา ไปตำหนิโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เพื่ออะไร ทั้งๆที่เป็นเรื่องน้ำใจของรัฐที่ต้องดูแลสวัสดิการขั้นพื้นฐานให้กับคนจน แต่กลับมีข่าวซื้อเรือดำน้ำเป็นเงินถึง 36,000 ล้านบาทในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ เพราะฉะนั้น ครม.ของ รัฐบาล คสช.ต้องคิดให้มาก ประชาชน เฝ้าจับตามองท่านอย่างใกล้ชิดอยู่

“เห็นการทำงาน ของ ครม.ตลอดปีที่ผ่านมา บอกเลย ว่าเข้าใจ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ออกอาการหงุดหงิด เพราะแบกรับคนเดียวทุกเรื่องจริงๆ ถ้าเอาอารมณ์หงุดหงิด ของผู้นำมาหารด้วยจำนวน ครม. แบ่งๆกันไปตามหน้าที่รับผิดชอบแต่ละกระทรวง พล.อ.ประยุทธ์คงจะอารมณ์ดีขึ้นมาก และหากวันนี้ มีการออกข้อสอบให้ ประชาชน ใส่ชื่อครม.ว่าจำใครได้บ้าง มีผลงานอะไรบ้าง เชื่อเลยว่าสอบตกยกประเทศ” นายจิรายุ กล่าว

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วง อีกเรื่อง คือกรณีที่กลุ่มบริษัทรถยนต์ ออกมาแสดงความกังวล จากรายงานตัวเลขยอดขายที่ตกลงอย่างหนัก ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ขายไปได้เพียงแค่ 308,787 คัน ลดลงถึง 15.9% และยังส่งสัญญาณชะลอตัวต่อเนื่อง เป็นผลจากความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทำให้ทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือน ระมัดระวังเรื่องการลงทุนและใช้จ่าย ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนพฤษภาคมยังคงปรับตัวลง จากความกังวลต่อความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยเชิงลบ ส่งผลให้การส่งออกยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ และส่งผลกระทบให้การลงทุนของภาคเอกชนยังคงชะลอตัว ประกอบกับกำลังซื้อที่ยังไม่ขยายตัวอันเป็นผลมาจากรายได้เกษตรกรที่ทรงตัวในระดับต่ำ ทำให้สภาพคล่องในระบบและการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนลดลง ซึ่งคำเตือนจากภาคธุรกิจเหล่านี้


ทั้งนี้ยังประกอบกับแรงกดดัน เรื่องนักศึกษา 14 คน จาก UN สหประชาชาติ สหภาพยุโรป EU และสหรัฐ จะทำให้ความมั่นใจของต่างประเทศลดลงไปอีก และจะทำให้การลงทุนจากต่างประเทศหายไป และอาจจะโดนมาตรการการกีดกันการค้าเพิ่มเติม และจะเป็นการตอกย้ำการส่งออกให้แย่ลงอีก และจะทำให้เศรษฐกิจทรุด ซึ่งจะส่งผลทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลสั่นคลอนได้