'ธนิต'คาดจีดีพีปีนี้โตต่ำกว่า3%

'ธนิต'คาดจีดีพีปีนี้โตต่ำกว่า3%

"ธนิต" คาดสถานการณ์ภัยแล้งกระทบจีดีพีไทย 0.5% มองทั้งปีจีดีพีโตต่ำกว่า 3% ประเมินส่งออกครึ่งปีหลังฟื้น จากค่าเงินบาทอ่อนค่า

นายธนิต โสรัตน์ ประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมเศรษฐกิจและการลงทุน รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังโดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3 ยังอยู่ในสภาวะทรงตัวค่อนข้างต่ำ และมีโอกาสผันผวนสูง ซึ่งเป็นสาเหตุจากภาคการส่งออกที่ชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 นอกจากนี้ปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นคาดว่าจะกระทบต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี 0.5% ซึ่งจะทำให้จีดีพีปีนี้โตต่ำกว่า 3% แน่นอน

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังการส่งออกมีโอกาสฟื้นตัวจากอัตราแลกเปลี่ยนที่มีแนวโน้มอ่อนค่า ขณะที่ค่าเงินสกุลอื่นๆของภูมิภาคก็ล้วนอ่อนค่าไปในทิศทางเดียวกันกับเงินบาท ซึ่งเป็นผลจากความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัว รวมทั้งความอ่อนไหวของเงินสกุลยูโรต่อปัญหาวิกฤติหนี้กรีซ ส่งผลให้นักลงทุนย้ายเงินไปถือครองสกุลดอลลาร์ ซึ่งเป็นปัจจัยให้เงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้น ทั้งนี้คาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยทั้งปีจะติดลบ 2-2.5%

"เศรษฐกิจไทยจะพึ่งพาการส่งออกไม่ได้ โดยปัจจัยที่จะส่งผลให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้คือ การบริโภคในประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม การบริโภคในประเทศก็ยังไม่สามารถขับเคลื่อนได้ดีนัก จากเศรษฐกิจในประเทศที่ซบเซา จากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ กระทบต่อกำลังซื้อภาคเกษตร"นายธนิต กล่าว

นายธนิต กล่าวว่า สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยที่ติดลบและคาดว่าทั้งปีจะติดลบ 0.5% ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากราคาน้ำมันที่ลดลง แต่ในช่วงนี้ไปทิศทางราคาน้ำมันมีโอกาสขยับตัว โดยในช่วง 6 เดือนราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น 45.8 ดอลลาร์ต่อบาเรล ไปเป็น 60.7 ดอลลาร์ต่อบาเรล หรือปรับตัวสูงขึ้น 31.3% ดังนั้นครึ่งหลังของปีนี้หากเงินเฟ้อยังคงติดลบคงไม่ใช่เฉพาะปัจจัยจากการลดลงของราคาน้ำมัน แต่เพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลจากกำลังซื้อภายในประเทศที่ลดลงดัวย

ทั้งนี้ ผลการส่งออกและการบริโภคที่อ่อนแอ ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิต เห็นได้จากสินค้าอูตสาหกรรมเพื่อการส่งออกเกือบทุกกลุ่มอยู่ในช่วงขาลง ทำให้กำลังการผลิตในภาพรวมของภาคอุตสาหกรรม ลดลงจาก 59% เหลือ 53.99% นอกจากนี้จากการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าฯยังพบว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังไม่แน่ใจกับภาวะเศรษฐกิจ และยังคงไม่มีการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นการลงทุนภาคเอกชนในช่วงครึ่งปีหลังอาจยังคงไม่มีการลงทุนเพิ่มมากนัก ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนขยายตัวได้ค่อนข้างต่ำ โดยปีนี้อาจขยายตัวเพียง 2.7% เทียบกับปีที่ผ่านมาติดลบ 2% ทั้งนี้สำหรับแนวทางในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจขาลง คือ ไทยจะต้องเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เป็นต้น