‘ไม่มีปัญหา’ สูตรธุรกิจพันล้าน “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว”

‘ไม่มีปัญหา’ สูตรธุรกิจพันล้าน “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว”

เริ่มต้นธุรกิจจากศูนย์ ไม่มีทุน ไม่มีเงิน ความรู้ในการทำธุรกิจก็ไม่มี สำหรับชายสี่บะหมี่เกี๊ยว พวกเขาพิชิตธุรกิจพันล้านด้วยคำว่า..ไม่มีปัญหา

ไปลาววันแรก ถูกจับเข้าคุก เปิดสาขาแรกที่กัมพูชา โดนแจ้งความจับ จนเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งดังไปทั่วประเทศ!

บทเรียนเบาะๆ ในการ “โกอินเตอร์” ครั้งแรก ของ “ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว” แฟรนไชส์บะหมี่รถเข็นชื่อดัง ของ “พันธ์รบ กำลา” ลูกผู้ชายนักสู้ที่ก่อร่างสร้างตัวจากศูนย์ จนมามีมูลค่าธุรกิจนับพันล้านบาทในวันนี้!

นี่คือเรื่องราวภาคต่อของธุรกิจบะหมี่กว่า 2 ทศวรรษ ที่ผู้ก่อตั้งเลือกแบ่งปันให้ฟัง ในเวทีสัมมนา “ธนชาต SME NEXT ต่อยอดธุรกิจ คิดต่าง” โดย บมจ.ธนาคารธนชาต ที่ผ่านมา

“ผมเจอปัญหามาซะจนไม่คิดว่ามันคือ ปัญหา เจออุปสรรคมาจนไม่ใช่ อุปสรรค”

หนุ่มร้อยเอ็ดสะท้อนความคิดของเขา หลังทำธุรกิจมาจนตกผลึก และมาไกลกว่าจุดเริ่มต้นเอามากๆ

“เข้ามาทำงานกรุงเทพเพราะ อยากหล่อ อยากหน้าตาดีเหมือน สมบัติ เมทะนี อยากมีเงินซื้อกางเกงยีนใส่เท่ๆ”

เหตุผล “ซื่อๆ ตรงๆ” ที่เด็กหนุ่มวัยกระเตาะ เรียนจบแค่ ป.4 เลือกเดินทางเข้ากรุงมาตามหาความฝันของเขา อดทนทำงานหนัก ตั้งแต่เป็นลูกจ้างโรงงาน รับจ้างเก็บฝ้าย ไปจนเข็นไอติมขาย ไต่เต้ามาจนมีร้านขายลูกชิ้นน้ำใส ข้าวมันไก่ และบะหมี่เกี๊ยวของตัวเอง ซึ่ง “บะหมี่” นี่แหล่ะ “จุดเปลี่ยน” ชีวิตของเขา

“ผมพบว่า เส้นบะหมี่ที่เถ้าแก่ส่งมาให้คุณภาพไม่ได้ บางวันเส้นดี บางวันเส้นไม่ดี เลยคิดทำบะหมี่เอง ทั้งที่ทำไม่เป็นหรอก เริ่มจากความอยาก แล้วมาคิด วางแผน และหาวิธีการของมัน ผมเชื่อว่า ขอแค่เรามีความอยาก และต้องการทำจริงๆ สมองจะเป็นตัวบอกเองว่า ต้องทำอย่างไร”

ไม่รู้วิธีทำบะหมี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ก็บอกแล้วไงว่า โลกนี้ไม่มี “ปัญหา” เขาเริ่มจากไปซื้อเครื่องจักรมา จากรับซื้อบะหมี่จากคนอื่น ก็ลองทำเองเสียครึ่งหนึ่ง ซึ่งวิชาทำบะหมี่ที่ไม่รู้ก็ใช้วิธีประกาศหา จ้างคนที่รู้มาทำให้ ใช้เงินซื้อวิชาไปหลายแสน เพราะลูกน้องเข้ามาไม่กี่วันก็หายจ้อย ก็ค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อย ใช้เวลาปรับสูตรอยู่เป็นปีๆ ในที่สุดก็ทำบะหมี่กับเขาได้

หลังขายบะหมี่มีเงินเก็บเป็นแสนๆ ได้ขับรถหรูกลับบ้านนอก ดึงดูดให้เหล่าญาติพี่น้องติดตามมาขายบะหมี่ด้วย โดยเขาลงทุนซื้ออุปกรณ์และสอนทำให้เสร็จสรรพ เรียกว่า มาตัวเปล่าก็พร้อมขายได้ เลยขยายจากร้านเล็กๆ ให้เติบโตออกไปหลายร้อยสาขา ด้วยพลังสามัคคีของเลือดอีสาน

ครั้งแรกเริ่มขยายด้วยญาติๆ แต่พอได้ออกสื่อไปตอนปี 40 ก็เริ่มเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ จนมีคนติดต่อมาขอซื้อ “แฟรนไชส์” พันธ์รบ สารภาพว่า เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า แฟรนไชส์ คืออะไร แม้แต่คนโทรมาสอบถาม ก็ยังตอบกลับไปซื่อๆ ว่า

“ผมไม่ได้ขายแฟรนไชส์ ผมขายชายสี่” (หัวเราะ)

แต่เมื่อมีคนอยากซื้อแฟรนไชส์ ก็จะยอมขายให้ ไม่ต้องจินตนาการถึงระบบที่เริดหรู ดูดีเหมือนแฟรนไชส์อินเตอร์ทั่วๆ ไป เพราะจุดยืนแบบเขาก็แค่ “เงื่อนไขง่าย ขยายเร็ว” โดยไม่ต้องตั้งเงื่อนไขอะไรให้วุ่นวายซับซ้อน ค่าใช้จ่ายโน่นนี่ที่แฟรนไชส์ส่วนใหญ่เรียกเก็บ..ลืมไปให้หมด

“เป้าหมายของเราคือขายบะหมี่ ขายสินค้า ฉะนั้นค่าอะไรจิปาถะ เราไม่เอา วิธีการคือ เราเอากำไรจากตัวสินค้า เช่น เราอยากจะเก็บเขาเดือนละหมื่นบาท ก็เอาเงินหมื่นบวกไปในสินค้า เชื่อไหมว่า ด้วยเงื่อนไขที่ง่ายๆ ไม่มีทฤษฎี ไม่มีหลักการอะไรเลยนี่แหล่ะ เราถึงมีวันนี้ได้ เพราะทุกคนเข้ามาง่าย ทำให้ธุรกิจโตเร็ว จนตอนนี้มีอยู่ร่วม 3 พันสาขาแล้ว”

เช่นเดียวกับ การแก้ปัญหา “บะหมี่เสีย” เวลาส่งไปไกลๆ โดยขยายไปตั้งโรงงานในต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันมีสำนักงานผลิตส่งตามภาคต่างๆ ประมาณ 6-7 แห่ง มีศูนย์กระจายสินค้าพร้อมส่งสินค้าไปทั่วประเทศ มีเส้นทางรถสายส่ง ที่สามารถวิ่งวนจนครอบคลุมทุกพื้นที่ขาย

อยากควบคุมการทำงานของทีมงาน ไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวาย ยุคนี้ก็แค่ “ตั้งกลุ่มไลน์” เพื่อติดตามการทำงานอย่างใกล้ชิด อยากได้ยอดขายเพิ่ม ก็กระตุ้นด้วยคอมมิสชั่น ไม่ต้องคิดวิธีเองทั้งหมด แต่ลองโยนเงินและโยนโจทย์ให้ลูกน้อง อย่าง “โปรตามใจ” ที่ให้ทีมงานไปคิดเองว่า จะทำอย่างไรเพื่อให้ได้ยอดขายเพิ่ม

“อย่างที่อีสานทำดีมาก ผมยังคิดไม่ได้เลย คือ เขาไปออกคูปองส่วนลดแล้วแจกให้ลูกค้า เพื่อดึงดูดให้มากินบะหมี่ให้มากขึ้น ขณะที่แฟรนไชซีก็สามารถเอาคูปองนี้มาแลกเงินคืนได้ เราก็ได้ขายของมากขึ้นด้วย ซึ่งจากเป้าหมายที่เขาบอกว่า จะมียอดขายที่ประมาณ 80 ล้านบาท ถึงตอนนี้ขึ้นไปกว่า 100 ล้านบาท แล้ว”

วิธีคิดง่ายๆ ที่ไม่ต้องคิดคนเดียวก็ได้ ทำให้ในปีนี้ที่ทุกคนปรามาสว่า “เศรษฐกิจไม่ดี” มีแต่คนยอดขายตก ขายยากขายเย็น แต่พันธ์รบบอกว่า ปีนี้จะเป็น “ปีทองของชายสี่” และเป็นปีที่มี “ยอดขายสูงสุด” ตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจมา คือประมาณ 750 ล้านบาท เติบโตประมาณ 20% หลังปีที่ผ่านมาทำยอดขายไปกว่า 600 ล้านบาท เติบโตประมาณ 19%

“ผมไปอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่า หาปลาในขณะที่ปลาน้อยลง แต่กลับได้ปลาเยอะขึ้น เหตุผลหนึ่งเพราะ บะหมี่เป็นดัชนีตัวหนึ่ง ที่เวลาคนตกงานหรือเงินเดือนลดลง เขาจะกินบะหมี่กันเยอะขึ้น”

เขาบอกอานิสงห์คนทำบะหมี่ในยุคเศรษฐกิจซบ

ทุกคนมีแผนโกอินเตอร์ ชายสี่ก็โกอินเตอร์กับเขาแล้ว แม้จะเริ่มต้นได้แบบ สาหัส สากรรจ์ ชนิดถูกจับเข้าคุก โดนแจ้งความ ได้ขึ้นหน้าหนึ่ง เหตุเพราะไม่รู้กฎหมาย ไปแบบมืดๆ มัวๆ แต่บทเรียนจากความเจ็บแสบก็สอนเขาว่า จะขยายธุรกิจนอกบ้านต้องหาพันธมิตรที่ดี เจอคนที่ใช่ ก็จะช่วยให้ผ่านโจทย์ยากๆ ไปได้ ซึ่งปัจจุบัน ชายสี่บะหมี่เกี๊ยว ขยายสาขาไปที่ลาว กว่า 30 สาขา ยอดขายตกเดือนละ 5-6 แสนบาท

ขณะที่กัมพูชา และพม่า เป็นแผนต่อไป เขาบอกว่า จะใช้โอกาสจากการที่พลเมือง CLMV เข้ามาเป็นแรงงานที่เมืองไทยเยอะมาก มีโอกาสได้ลิ้มรสชาติชายสี่ และคนกลุ่มนี้เมื่อกลับประเทศไปหลังเปิดเออีซี ก็จะช่วยเป็นกระบอกเสียงชั้นดีให้กับพวกเขา ซึ่งชายสี่จะใช้ฐานทัพที่ชายแดน คอยส่งสินค้าเข้าไปขยายในเออีซี

“เออีซีเปิด ผมจะเอาบะหมี่ตามแรงงานเข้าไปด้วย โดยคงไม่ไปตั้งฐานที่บ้านเขา แต่ใช้ฐานตรงชายแดนของบ้านเรานี่แหล่ะ เพราะไม่ติดคุกแน่นอน(หัวเราะ)”

ทำธุรกิจไม่ได้ราบรื่นไปเสียทุกอย่าง และเรื่องยากๆ ก็ชอบมาทักทายบ่อยเอาเสียด้วย เขาบอกหนึ่งวิธีรับมือกับสิ่งที่คนอื่นเรียก “ปัญหา” ว่าก็แค่ ทุกครั้งที่เจอปัญหา ให้เขียนคำถาม แล้วหาคำตอบให้กับคำถามนั้น แล้วเลือกวิธีการแก้ที่ดีที่สุด

ก่อนฝากทิ้งท้ายว่า ทำธุรกิจ “เงิน” คือ คำตอบสุดท้าย ดังนั้นต้องรู้วิธีบริหาร อย่างเขาเองเป็นคนไม่เอาเครดิต แต่ชอบที่จะเห็นต้นทุน-กำไร แบบชัดๆ อะไรคือค่าใช้จ่ายก็หักทิ้ง ไม่หมุนเป็นเครดิต ไม่มีเงินไม่มีทุน ก็เริ่มธุรกิจได้ โดยให้คิดเหมือน “จีบผู้หญิง” ที่คิดถึง ฝันถึง โฟกัสถึงอยู่ตลอดเวลา และหมั่นสร้างเครดิตให้ตัวเองเพราะเครดิตของคนนั้น ยิ่งใหญ่กว่า ธุรกิจ

“ผมเคยพูดกับหลายคนว่า การทำให้คนอื่นรัก คือ การทำให้ตัวเองรวย การทำให้คนอื่นประทับใจ คือความก้าวหน้าของเรา แม้ไม่มีเงิน ขอให้คุณคิดจะทำจริงๆ เถอะ แล้วทุกอย่างจะมาเอง จะมีวิธีของมันเอง”

หนึ่งมุมคิดของเอสเอ็มอีนักสู้ ผู้เทียบตัวเองว่า เป็นเหมือน “ยาพารา” ที่แก้ได้ทุกเรื่อง ทำได้ทุกอย่าง เพราะโลกนี้ ‘ไม่มีปัญหา’ สำหรับเขา

..................................
Key to success
สูตรรบเจ้าพ่อชายสี่


๐ โลกนี้ไม่มีปัญหา เจอปัญหา เขียนคำถาม หาคำตอบ
๐ ความอยาก เป็นแรงผลักให้เกิดธุรกิจ
๐ เงิน คือคำตอบสุดท้าย บริหารให้เป็น กำไร ต้นทุนต้องชัด
๐ ขายแฟรนไชส์ เงื่อนไขง่าย ขยายเร็ว
๐ ให้อิสระทีมงาน คิดไอเดียสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ
๐ โกอินเตอร์ ต้องหาพันธมิตรที่ดี คนที่ใช่
๐ เครดิตของคนสำคัญ ทำธุรกิจให้เหมือนจีบผู้หญิง