‘โยชิอากิ อิโตะ’ผู้นำจอมบ้าบิ่น แห่งไฮเออร์เอเชีย

‘โยชิอากิ อิโตะ’ผู้นำจอมบ้าบิ่น แห่งไฮเออร์เอเชีย

พลิกฟื้นธุรกิจขาดทุน15ปีใน15เดือน‘โยชิอากิ อิโตะ’ ผู้นำจอมบ้าบิ่นแห่ง ‘ไฮเออร์ เอเชีย’ นาม ‘Mr. Maveric'ผู้นำพันธุ์ใหม่‘มีโดราเอมอนคือต้นแบบ

"อิโตะ เป็นคนญี่ปุ่นที่ Aggressive ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา”  !

ผู้บริหารท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ เมื่อครั้งที่ “โยชิอากิ อิโตะ” ไปนั่งบริหารใน บริษัท โซนี่ พิคเจอร์ส ญี่ปุ่น แล้วสามารถพลิกฟื้นธุรกิจจากภาวะขาดทุนให้กลับมามีกำไร ทำให้ญี่ปุ่นที่เคยมีรายได้รั้งท้าย ของ โซนี่ พิคเจอร์ส ทั่วโลก (กว่า 60 ประเทศ) กลับขึ้นเป็นอันดับ 1 ได้ ในเวลาเพียง 5 ปี!

เช่นเดียวกับผลงานที่เคยฝากไว้กับ บริษัท เดลล์คอมพิวเตอร์ และ อาดิดาส ญี่ปุ่น ซึ่งล้วนอยู่ในช่วง “ขาลง” ทั้งคู่ แต่เขาก็สามารถพลิกกลับมาทำกำไรให้กับองค์กรเหล่านี้ได้ หลังเข้ากุมบังเหียน 

นั่นคือเหตุผลสำคัญที่ เมื่อ 15 เดือนก่อน กลุ่มบริษัท ไฮเออร์ ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายใหญ่ที่สุดของจีน มีตลาดและโรงงานผลิตอยู่ทั่วโลก ตัดสินใจทาบทามเขาให้มานั่งเก้าอี้ซีอีโอของ ไฮเออร์ เอเชีย ดูแลตลาดญี่ปุ่นและอาเซียน กับภารกิจสำคัญคือการพลิกฟื้นสถานะขาดทุน 15 ปีต่อเนื่องของ แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าญี่ปุ่น “ซันโย” ให้มีกำไร หลังไฮเออร์ไปเทคโอเวอร์ก่อนหน้านี้ 

“ซันโยขาดทุนมานาน เลยไม่มีเงินพอที่จะไปลงทุนเพื่อสร้างของใหม่ หรือเทคโนโลยีใหม่ๆ ผลิตภัณฑ์จากซันโยจึงไม่มีความใหม่ ยอดขายเลยลดลง ตอนผมเข้ามาแรกๆธุรกิจยังขาดทุนอยู่ เพราะยังใช้โครงสร้างและการบริหารงานแบบเดิมๆ อยู่"

ถ้ายังบริหารองค์กรแบบเดิมๆ องค์กรย่อมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่ผู้บริหารไฟแรงอย่างเขา เริ่มงานหนักด้วยการ “เปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กร” ตั้งแต่ลดระดับชั้นบังคับบัญชาให้สั้นลง เพื่อให้การบริหารจัดการคล่องตัวมากขึ้น พร้อมสนับสนุน “คนรุ่นใหม่” ให้ได้รับการโปรโมท 

ผลพลอยได้คือ มีไอเดียใหม่ๆ ผุดขึ้นอยู่เต็มองค์กร !!

“เราปรับวัฒนธรรมองค์กร ให้เป็น ‘Performance Culture’ คือ ถ้าคุณทำดี คุณก็ได้ผลตอบแทนที่ดี แต่ถ้าทำไม่ดี ผลตอบแทนก็จะน้อยลง เราให้ผลตอบแทนที่เป็นธรรมกับทุกคน” เขาบอก

จากนั้นก็มาปรับเรื่องการบริหารจัดการ เรียกว่า “เปลี่ยน”  มันเสียทุกอย่าง ตั้งแต่กลยุทธ์ด้าน ซัพพลายเชน การจัดซื้อจัดจ้าง การตลาด และการขาย ไม่หลงเหลือของเก่าเอาไว้ดูเล่น

ผลจากการเปลี่ยนที่เรียกได้ว่า แทบจะ “พลิกฝ่ามือ” ทำให้หยุดสภาวะ “เลือดไหลออก” ได้สำเร็จ กลับสู่การทำกำไรได้เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี 

แน่นอนว่า เขายังไม่หยุดแค่นั้น กับการประกาศเป้ายอดขายโตเป็น 2 เท่า ภายใน 3 ปี จากปัจจุบันของ ไฮเออร์ เอเชีย มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย “ครึ่งหนึ่ง” มาจากตลาดญี่ปุ่น ส่วนอีกครึ่ง มาจาก อาเซียน 

เขาบอกตรงๆ ว่า ไม่ได้หวังจากตลาดญี่ปุ่นมากนัก “อาเซียน” ต่างหากคือความคาดหวัง

กลายเป็นที่มาของ “แผนการรบฉบับใหม่” ซึ่งพุ่งเป้าไปที่การสร้างสินค้านวัตกรรม, ขยายตลาด รวมถึงการทำธุรกิจแบบ B2B  (Business to Business) และ B2G  (Business to Government) 

“นี่คือเครื่องซักผ้าที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก”

อิโตะ ชูผลิตภัณฑ์ทรงกระบอกขนาดและน้ำหนักเท่ากับสมาร์ทโฟน โดยย้ำว่า คือเครื่องซักผ้าที่เล็กที่สุดในโลก ใช้น้ำเพียง 5 ซีซี แถมยังพกพาไปได้ทุกที่ หนึ่งในผลิตภัณฑ์ไฮไลท์จากไฮเออร์ ที่จะเปิดตัวในวันที่ 2 มิ.ย.นี้ ที่ญี่ปุ่น

ตัวอย่างสินค้าคูลๆ ที่ใช้คนพัฒนาเพียง 3 คน และใช้เวลาเพียง 6 เดือน เป็นผลจากการปรับระบบการทำงานใหม่

“ผมเติบโตมากับการ์ตูนโดราเอมอน แนวทางของผมคือ ถ้าเรามีของวิเศษในลักษณะนี้เกิดขึ้นเหมือนอย่างโดราเอมอนได้ น่าจะเป็นเรื่องที่ดีมาก” ซีอีโอผู้ชื่นชอบแมวสีฟ้าบอกกับเรา

เขาไม่ได้คิดสิ่งที่ไกลเกินจริง แต่มองจากจุดแข็งขององค์กร อย่างการมีพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่ดีจากซันโย และมีหน่วยจัดซื้อจัดหาขนาดใหญ่ระดับโลกจากไฮเออร์ บวกกับมีผู้นำที่ “บ้าบิ่น” อย่างเขา ผลิตภัณฑ์คูลๆ แบบนี้เลยเกิดขึ้นได้

เกมรบฉากใหม่ ยังมีไทยเป็นไพ่ใบสำคัญ อิโตะย้ำว่า “ไทยมีศักยภาพในทางธุรกิจสูงมาก” ข้อแรกคือ ไทยมีชัยภูมิที่ดีที่สุดในอาเซียน และสอง คนไทยเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ส่วนอีกเหตุผลที่ใครหลายคนอาจยังไม่รู้ คือ อิโตะเป็นคนญี่ปุ่นที่เติบโตในเมืองไทย จบประถมจากโรงเรียนญี่ปุ่นในไทย เรียนมัธยมที่โรงเรียนนานาชาติในเมืองไทย ก่อนบินไปต่อปริญญาตรีและโท ที่อเมริกา 

เขาเลยเป็นคนญี่ปุ่นที่รู้จักประเทศไทย “ดีมากๆ”

“แนวทาง คือ ผมจะใช้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ นั่นคือเหตุผลที่เราจัดตั้ง ‘ศูนย์ฝึกอบรมด้านเทคนิคสำหรับเครื่องปรับอากาศระดับภูมิภาค’ ขึ้นที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เพื่อรองรับความต้องการของประเทศในอาเซียน ประเทศไทยจึงเป็นยุทธศาสตร์ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ ไฮเออร์ เอเชีย” เขาย้ำ

ก่อนฉลองการมาถึงของศูนย์ใหม่ ด้วยการประกาศว่า จะพัฒนาตลาดเครื่องปรับอากาศในเชิงพาณิชย์ในอาเซียน ซึ่งไฮเออร์ยังกินส่วนแบ่งอยู่น้อยมาก ให้เติบโตได้ถึง 10 เท่า ภายในเวลา 3 ปี

เป้าหมายสุดท้าทายมาพร้อมแผนการลงทุนขนาดใหญ่ โดยในไทย ไฮเออร์ทุ่มเงินลงทุนเริ่มต้นที่ 400 ล้านบาท รองรับทั้งตลาดไทย กัมพูชา ลาว และพม่า ส่วนอินโดนีเซีย มีแผนการลงทุนสูงถึง 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เวียดนาม เป็นอีกหนึ่งแผนใหญ่ ที่ยังอยู่ระหว่างประเมินศักยภาพในการลงทุน 

ตอกย้ำหมากรบนับจากนี้ อาเซียน คือ พระเอก !

แผนการรบของไฮเออร์ กำหนดกลยุทธ์ไว้ว่า ทุกๆ 7 ปี ทั้งการสร้างแบรนด์ การพัฒนาและขยายธุรกิจ การเข้าสู่กระแสโลกาภิวัฒน์ และ ล่าสุดกับกลยุทธ์การสร้างเครือข่าย 

เมื่อถามถึงกลยุทธ์สเต็ปต่อไปอีกขั้น เขาบอกว่า เป็นเวลาของ “Internet of Things” (IoT)

ไม่มีความมืดมัวในอนาคต เมื่อซีอีโอหนุ่มบอกถึงแผนการของเขา ที่จะมุ่งไปที่ การทำธุรกิจรูปแบบใหม่ สร้างนวัตกรรม พร้อมทำสินค้าเจาะกลุ่ม Niche (เฉพาะ) และ Luxury (สินค้าหรูหรา) 

เขายังโชว์ภาพผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่นำตู้เย็นมารวมกับทีวี สามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต โปรดักท์จึงทำอะไรได้มากกว่าที่คิด ตั้งแต่เป็นเกมให้คนกับเครื่องใช้ไฟฟ้ามีปฏิสัมพันธ์กัน สามารถแจ้งเตือนเมื่อมีผู้เปิดใช้ไปที่สมาร์ทโฟน มีสแกนเนอร์ที่สามารถแจ้งเตือนวันหมดอายุของอาหาร หรือจะเป็นพื้นที่โฆษณาของห้างต่างๆ ที่ส่งถึงลูกค้าโดยตรง

“ลองคิดดูว่า ถ้าขายตู้เย็นอย่างเดียว ผมอาจขายได้ทุกๆ 10 ปี นั่นหมายความว่า ผมต้องรอถึง 10 ปี กว่าจะได้กำไร แต่ด้วยวิธีนี้ ผมอาจจะมีรายได้จากบริการแค่เดือนละ 20-50 บาท แต่เป็นประจำทุกเดือน นั่นหมายความว่า ผมจะมีรายได้นี้ต่อไปอีกเป็นสิบปี” เขาบอกโมเดลธุรกิจรวบรัดสร้างกำไร

อิโตะ ยังยอมรับว่า เขาเป็นผู้บริหารที่บ้าบิ่น ที่กล้าทำงานแยกตัวเป็นอิสระจากไฮเออร์ประเทศจีน และพยายามที่จะทำอะไรด้วยตัวเองในนาม ไฮเออร์ เอเชีย

“ผมอิสระ ทุกอย่าง ‘ขึ้นอยู่กับผม’ ไม่อย่างนั้น ผมคงไม่รับงานนี้” เขาบอก

ขณะที่เป้าหมายที่ท้าทายไปกว่าตัวเลขผลประกอบการ คือ การเปลี่ยนให้ ไฮเออร์ เอเชีย “เป็นบริษัทของเอเชีย” ไม่ใช่บริษัทจีน หรือบริษัทญี่ปุ่น แต่เป็นการรวมกันของทั้งภูมิภาคนี้อย่างแท้จริง

“ผมอยากเปลี่ยนบริษัทนี้ ให้เป็นบริษัทของเอเชีย เราจะเป็นบริษัทแห่งเอเชียที่ไปแข่งกับโลกใบนี้” เขาบอก

คนหนุ่มในวัย 45 ปี มีประสบการณ์สุดคูลฝากไว้ในหลายธุรกิจ จนกลายเป็นที่กล่าวถึงในวงกว้าง 

สื่อญี่ปุ่นขนานนามว่า เขาเป็น ‘Mr. Maverick’ ซีอีโอที่แตกต่าง ไม่ธรรมดา เป็นผู้นำพันธุ์ใหม่ ที่มีความยูนีค อิสระ มีทางของตัวเอง แต่เมื่อให้นิยามถึงตัวเอง เขาบอกเพียงสั้นๆ ว่า..

“ผมเป็นผู้นำ New Generation”

.............................................

 “ไฮเออร์” คือ ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายใหญ่ที่สุดในจีน มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองชิงเต่า ก่อตั้งขึ้นในปี 2527 ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ไฮเออร์ วางจำหน่ายและมีโรงงานผลิตอยู่ทั่วโลก โดยมีศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) 8 แห่ง นิคมอุตสาหกรรม 16 แห่ง โรงงานผลิต 29 แห่ง บริษัทจำหน่ายสินค้า 64 แห่ง เครือข่ายร้านค้า 58,800 แห่ง และพนักงานกว่า 70,000 คนทั่วมุมโลก ไฮเออร์ได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่มียอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าหลักภายในบ้านเป็นอันดับ 1 ของโลกจากการจัดอันดับของยูโรมอนิเตอร์ฯ 6 ปีซ้อน โดยในปี 2557 ไฮเออร์มีรายได้รวม 32.09 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลกำไร 2.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขึ้นเป็นผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านรายใหญ่ที่สุดของโลก