STANLY - ทบทวนคำแนะนำ

STANLY - ทบทวนคำแนะนำ

แนวโน้มฟื้นตัวแบบช้าๆ

คาดผลประกอบการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป

- เมื่อวานนี้เราได้เข้าร่วมประชุมกับบริษัท ไทยไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า (STANLY) ผู้บริหารให้ข้อมูลแนวโน้มธุรกิจในปี 59 (งบสิ้นสุด มี.ค. 59) ซึ่งมีมุมมองที่ค่อนข้าง Conservative กว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยคาดยอดผลิตรถยนต์ของประเทศไทยในปีนี้เพียงแค่ทรงตัวจากปีก่อนที่ราว 1.88 ล้านคัน ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 2 – 2.13 ล้านคัน เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด ซึ่งยอดขายรถยนต์ในประเทศ 4 เดือนแรกที่ปรับลดลงจากปีก่อน 15% ในขณะที่บริษัทแจ้งว่าได้รับการปรับลดออร์เดอร์ลงของลูกค้าผู้ผลิตรถยนต์หลายรายจากเดิม

- บริษัทตั้งงบลงทุนในปีนี้ที่ราว 1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นระดับปกติ แต่หากเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด บริษัทเตรียมจะลงทุนเพิ่มในการสร้างโรงงานใหม่อีก 1 แห่งเพื่อรองรับในการผลิตแม่พิมพ์ ที่สามารถผลิตสินค้าที่มีเทคโนโลยีสูงขึ้น

- บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาขายเงินลงทุนในบริษัทร่วม ซึ่งหากสำเร็จคาดว่าจะมีการบันทึกกำไรจากการขายเงินลงทุนเข้ามา ซึ่งอาจทำให้กำไรสุทธิสูงกว่าที่ตลาดคาด

ผลกระทบ / ความเห็น

- คาดกำไรปี 59 เติบโต 8% เราประมาณการกำไรในงวดปี 59 (สิ้นสุด มี.ค. 59) ที่ 1,251 ล้านบาท เติบโต 8% YoY จากภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ที่คาดจะฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง ในขณะที่คาดอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization rate)ของ STANLY ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นราว 5% จากปีก่อนเป็น 75% โดยโมเดลใหม่ๆที่ได้รับในปีนี้ ได้แก่ โมเดลกระบะของลูกค้า นิสสัน มิชซูบิชิ และโตโยต้า และโมเดลโคมไฟรถจักรยานยนต์ 2-3 รุ่นจากลูกค้าฮอนด้า ซึ่งโมเดล Honda Click ได้เป็นงานไฟหน้า LED ที่มีมูลค่าต่อชิ้นงานที่สูงกว่าโมเดลเดิม 2 - 3เท่า

- ความเสี่ยง 1) เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาดอาจส่งผลให้เป้าหมายการผลิตรถยนต์ต่ำกว่าที่คาด 2) การแข็งขันที่รุนแรงมากขึ้น จากการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ที่เป็นผู้ผลิตโคมไฟรายใหญ่จากญี่ปุ่น ซึ่งเดิมตลาดโคมไฟรถยนต์ในประเทศไทยมีรายใหญ่เพียง 2 รายคือ STANLY และ บริษัทคอยโตะ และ 3) นโยบายปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ที่เริ่มต้นปี 59 ที่เปลี่ยนมาจัดเก็บตามการปล่อยมลพิษ ทำให้ราคารถเฉลี่ยสูงขึ้นเฉลี่ย 5-10% ซึ่งอาจกระทบต่ออุปสงค์รถยนต์

คำแนะนำ / เหตุผล

- อยู่ระหว่างทบทวนคำแนะนำและมูลค่าที่เหมาะสมของ STANLY เรามีมุมมองเป็นลบในระยะสั้นต่อแนวโน้มผลประกอบการของบริษัท ที่คาดว่าจะฟื้นตัวช้ากว่าที่ตลาดคาด เบื้องต้นเราประมาณการกำไรในปีนี้เติบโต 8% ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ราว 12 เท่า ซึ่งถือว่าใกล้เคียง P/E เป้าหมายระยะยาวของกลุ่มยานยนต์ที่ 12 – 13 เท่า ดังนั้นเราแนะนำให้เปลี่ยนไปลงทุนใน SAT (มูลค่าพื้นฐาน 22 บาท) ที่คาดว่าผลประกอบการเติบโตดีกว่า และให้ Total Return (Upside จากราคาหุ้นและปันผล) ราว 20% ซึ่งสูงกว่า STANLY